ทรัมป์-แฮร์ริส มุ่งหาเสียงรัฐนอร์ทแคโรไลนา

นอร์ทแคโรไลนา 31 ต.ค. – รองประธานาธิบดีคอมมาลา แฮร์ริส และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สองผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ต่างหาเสียงในรัฐนอร์ทแคโรไลนา หนึ่งในรัฐสมรภูมิ หรือสวิง สเตท และต่างโจมตีอีกฝ่ายอย่างเผ็ดร้อน


นางแฮร์ริส ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ปราศรัยหาเสียงที่เมืองราเลห์ รัฐนอร์ทแคโรไลนาเมื่อวานนี้ว่า หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ได้รับเลือกตั้ง เขาจะเข้ารับตำแหน่งพร้อมกับรายชื่อศัตรูฝั่งตรงข้ามและสิ่งที่ต้องทำเพื่อแก้แค้น ชี้ให้เห็นว่านายทรัมป์เป็นคนที่หมกมุ่นอยู่กับการแก้แค้นและไม่สามารถไว้วางใจได้ ในขณะที่เธอให้คำมั่นว่าจะให้โอกาสผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับเธอมานั่งพูดคุยเจรจากัน

นางแฮร์ริสใช้เวลาในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของการรณรงค์หาเสียง เน้นย้ำบอกผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่า เธอจะเคารพคนที่เห็นต่างและโจมตีนายทรัมป์ว่า เป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย


ด้านนายทรัมป์ หาเสียงที่เมืองร็อคกี เมาท์ รัฐนอร์ทแคโรไลนาเช่นกัน กล่าวโจมตีประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่แสดงความเห็นเหมือนจะกล่าวหาผู้สนับสนุนของนายทรัมป์ว่าเป็น ‘ขยะ’ นายทรัมป์กล่าวกับผู้สนับสนุนว่า นายไบเดนได้พูดสิ่งที่เขาคิด โดยเรียกพวกเขาว่าขยะ ทั้งที่ผู้สนับสนุนของเขาจะมีคุณภาพสูงกว่านายไบเดนที่คดโกงก็ตาม และว่านายไบเดนกับนางแฮร์ริสจะรักอเมริกาได้อย่างไร ในเมื่อยังแสดงออกว่าไม่รักชาวอเมริกัน

นายไบเดนแสดงความเห็นกับกลุ่มสนับสนุนผู้มีสิทธิเลือกตั้งของ Voto Latino เมื่อวันอังคาร บอกว่า ขยะอย่างเดียวที่เขาเห็นคือการที่ผู้สนับสนุนของนายทรัมป์และตัวนายทรัมป์ดูถูกชาวลาตินอเมริกา เป็นการแสดงความเห็นตอบโต้ดาราตลก โทนี ฮินช์คลิฟฟ์ ที่เรียกรัฐเปอร์โตริโก หนึ่งในดินแดนในการปกครองของสหรัฐ ว่าเป็น “เกาะขยะลอยน้ำ” ระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยร่วมกับนายทรัมป์ที่นครนิวยอร์ก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี นายไบเดนออกมาแก้ตัวว่า เขาไม่ได้หมายความว่าผู้สนับสนุนนายทรัมป์เป็นขยะ แต่กล่าวเป็นนัยถึงการหาเสียงของนายทรัมป์ที่มุ่งเน้นถ้อยคำแสดงความเกลียดชังในที่ชุมนุม

ขณะเดียวกัน มีรายงานจากรัฐจอร์เจีย อีกหนึ่งใน 7 รัฐสมรภูมิ หรือสวิง สเตท ว่าจนถึงขณะนี้ มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมาลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีล่วงหน้าแล้วมากถึง 3 ล้านคน มากเป็นประวัติการณ์ เทียบกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อ 4 ปีก่อน ที่มีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า 2.1 ล้านคน และนายไบเดนเอาชนะทรัมป์ได้ในรัฐนี้ด้วยคะแนนเสียงห่างกันไม่ถึงร้อยละ 1 เท่านั้น.-815.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”