โซล 24 ต.ค.- เกาหลีใต้และสหรัฐกล่าวหาเกาหลีเหนือว่า ส่งทหารหลายพันนายไปช่วยรัสเซียทำสงครามยูเครน แต่เกาหลีเหนือและรัสเซียปฏิเสธ ขณะที่ชาติตะวันตกพากันกังวล ท่ามกลางคำถามว่า ทหารเกาหลีเหนือจะช่วยทหารรัสเซียได้จริงหรือไม่
ข่าวนี้เริ่มขึ้นเมื่อประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครนเปิดเผยในคลิปที่บันทึกจากทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงเคียฟของยูเครนเมื่อค่ำวันที่ 14 ตุลาคมว่า ได้ประชุมหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล หน่วยข่าวกรองและกองทัพในหลายเรื่อง หนึ่งในนั้น คือ รายงานของหน่วยข่าวกรองต่างประเทศและหน่วยข่าวกรองทหารว่าด้วยเป้าประสงค์ของรัสเซียในฤดูใบใม้ร่วงและฤดูหนาวนี้ รายงานได้แจกแจงรายละเอียดในเรื่องที่เกาหลีเหนือมีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามอย่างแข็งขัน และความสัมพันธ์ของรัสเซียกับบางประเทศในการทำให้สงครามยืดเยื้อ
อย่างไรก็ดี เซเลนสกีไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติม หลังจากที่คืนก่อนหน้านั้นได้กล่าวอ้างโดยไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเช่นกันว่า เกาหลีเหนือได้ส่งทหารไปเข้าร่วมกับกองทัพรัสเซีย ต่อมาผู้นำยูเครนได้กล่าวหาว่า เกาหลีเหนือเตรียมส่งทหารมากถึง 10,000 นายไปรัสเซีย และเรียกร้องเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมให้นานาชาติที่ยอมรับว่าเกาหลีเหนือเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามยูเครนแสดงท่าทีที่จริงจังในเรื่องนี้
กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ประณามในวันรุ่งขึ้นว่า การพัวพันของเกาหลีเหนือเป็นเรื่องผิดกฎหมายและขอให้เกาหลีเหนือยุติทันที หลังจากสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติของเกาหลีใต้ หรือเอ็นไอเอส (NIS) เผยเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านั้นว่า เกาหลีเหนือได้ส่งทหาร 3,000 นาย ในจำนวนนี้เป็นกองกำลังพิเศษ 1,500 นาย ไปภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซียเพื่อฝึกฝนและสร้างความคุ้นเคยกับกองทัพรัสเซีย โดยคาดว่าจะเข้าร่วมภารกิจสู้รบในยูเครน
ด้านโฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียไม่ยอมตอบคำถามเรื่องนี้ โดยเลี่ยงว่าคำถามเกี่ยวกับทหารเกาหลีเหนือก็ควรไปถามกระทรวงกลาโหมมากกว่า แต่ก็ย้ำว่ารัสเซียมีสิทธิอธิปไตยที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือในทุกด้าน หลังจากนั้นไม่กี่วัน โฆษกคนเดียวกันได้ปฏิเสธข่าวทหารเกาหลีเหนือเข้ากองทัพรัสเซียว่า เป็นข่าวปลอม ขณะที่ตัวแทนเกาหลีเหนือประจำสหประชาชาติยืนยันว่า เป็นข่าวลือไร้มูล
เกาหลีใต้เผยว่า ได้ใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าแบบเอไอในการชี้ตัวคณะเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือที่เดินทางไปยังพื้นที่แนวหน้าในยูเครนเพื่อให้คำแนะนำเรื่องการทดสอบยิงขีปนาวุธทิ้งตัวเคเอ็น-23 (KN-23) ที่ผลิตโดยเกาหลีเหนือ หนึ่งในเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือที่นักวิเคราะห์ของเกาหลีใต้ระบุตัวได้ คือ นายรี ซงจิน เป็นคนสำคัญในโครงการพัฒนาขีปนาวุธที่เคยมีภาพถ่ายร่วมกับนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ขณะตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตขีปนาวุธ เอ็นไอเอสของเกาหลีใต้อ้างว่า ตรวจพบกองเรือประจำมหาสมุทรแปซิฟิกของรัสเซียนำกองกำลังพิเศษของเกาหลีเหนือเดินทางไปยังเมืองวลาดิวอสตอกระหว่างวันที่ 8-13 ตุลาคม และอ้างด้วยว่าทหารเกาหลีเหนือได้รับเครื่องแบบรัสเซีย อาวุธ และเอกสารปลอมก่อนส่งไปสู้รบในยูเครน
เยอรมนีและออสเตรียเรียกเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือเข้าพบเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม เพื่อแสดงความกังวลในเรื่องนี้ ขณะที่อังกฤษและฟินแลนด์ระบุว่า การที่รัสเซียใช้ทหารเกาหลีเหนือส่งสัญญาณว่ารัสเซียกำลังเข้าตาจน และในวันเดียวกันนั้น สหรัฐได้แถลงเป็นครั้งแรกว่า ได้เห็นหลักฐานยืนยันว่าทหารเกาหลีเหนืออยู่ในรัสเซีย
นักวิเคราะห์มองว่า เกาหลีเหนือน่าจะได้ประโยชน์จากการจัดส่งอาวุธและกำลังพลให้รัสเซีย เพราะทหารจะได้รับประสบการณ์จริงจากการเข้าร่วมในสมรภูมิ นอกจากนี้ยังน่าจะได้ประโยชน์จากการนำเข้าสินค้าจำเป็นจากรัสเซีย เพราะเกาหลีเหนือถูกคว่ำบาตรเรื่องโครงการอาวุธนิวเคลียร์ หน่วยงานวิเคราะห์ของเกาหลีใต้ประเมินว่า เกาหลีเหนือได้รับเงิน 540 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 18,200 ล้านบาทจากการจำหน่ายอาวุธให้รัสเซียเมื่อปี 2566
แล้วรัสเซียจะได้ประโยชน์จากการนำทหารเกาหลีเหนือมาร่วมรบภาคพื้นดินหรือไม่ นักวิเคราะห์ทางทหารชี้ว่า กลยุทธ์นี้อาจจะไม่ทำให้การสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครนพลิกโฉมไปจากปัจจุบัน แต่จะทำให้การสู้รบยืดเยื้อออกไป นายคิม ยง-ฮยอน อาจารย์ด้านเกาหลีเหนือศึกษา มหาวิทยาลัยดงกุกในเกาหลีใต้มองว่า เขตการสู้รบของรัสเซียในขณะนี้ได้ขยายพื้นที่ออกไปอย่างกว้างขวาง ขณะที่กองกำลังยูเครนสามารถรุกคืบเข้าไปในดินแดนของรัสเซียได้มากขึ้น กำลังพลของเกาหลีเหนือจึงน่าจะมีส่วนช่วยรัสเซียสกัดกั้นการรุกคืบของยูเครนได้.-814.-สำนักข่าวไทย