ค็อกซ์บาซาร์ 7 ก.ย. – องค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น รายงานวันนี้ว่า มีผู้ลี้ภัย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวโรฮิงญา เดินทางข้ามพรมแดนไปยังฝั่งบังกลาเทศแล้วราว 164,000 คน นับแต่เกิดเหตุนองเลือดครั้งใหม่ในรัฐยะไข่ของเมียนมาเมื่อเดือนที่แล้ว
รายงานระบุว่า นับแต่กองทัพเมียนมาเริ่มกวาดล้างชาวโรฮิงญาเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว มีผู้ชาวมุสลิมโรฮิงญาอพยพออกจากประเทศแล้วกว่า 250,000 คน โดยก่อนที่จะเริ่มมีปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหม่ หลังกลุ่มติดอาวุธชาวโรฮิงญาบุกโจมตีด่านตำรวจหลายแห่งเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา มีผู้อพยพหลบหนีข้ามไปยังฝั่งบังกลาเทศเป็นจำนวนทั้งสิ้น 87,000 คน ส่งผลให้บังกลาเทศเผชิญกับมหันตภัยด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่
รัฐบาลเมียนมา นำโดยนางออง ซาน ซูจี เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าเป็นฝ่ายกระทำโหดร้ายป่าเถื่อนต่อชาวโรฮิงญา และว่า ข้อมูลดังกล่าวบิดเบือนโดยสื่อ กลุ่มองค์กรนอกภาครัฐ (เอ็นจีโอ) และยูเอ็น นางซูจีกล่าววานนี้ว่า ความเห็นอกเห็นใจชาวโรฮิงญาล้วนเป็นผลมาจากการได้รับข้อมูลที่บิดเบือน
รัฐบาลเมียนมาอ้างว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นล้วนเป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธที่จงใจเผาทำลายบ้านตนเอง ทำให้ล่าสุดมีบ้านของชาวโรฮิงญาถูกเผาทำลายแล้ว 6,600 หลัง และมีบ้านของชาวบ้านที่ไม่ใช่ชาวมุสลิมได้รับความเสียหายอีก 201 หลัง นับแต่วันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีพลเรือนเสียชีวิตจากเหตุสู้รบในพื้นที่แล้วราว 30 คน แบ่งเป็นชาวโรฮิงญา 7 คน ชาวฮินดู 7 คน และชาวพุทธในรัฐยะไข่ 16 คน.- สำนักข่าวไทย