เทลอาวีฟ 4 ก.ย. – รัฐบาลอิสราเอลถูกกดดันอย่างหนักจากประชาชนที่โกรธแค้นกรณีตัวประกันชาวอิสราเอล 6 คนถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดในฉนวนกาซา ขณะนี้เริ่มมีแรงบีบจากนานาชาติด้วยแล้วเพื่อให้ยุติสงคราม
รัฐบาลอังกฤษได้ประกาศระงับส่งออกอาวุธบางส่วนให้กับอิสราเอล เพราะเห็นว่าอาวุธจำนวนนี้เสี่ยงที่จะนำไปละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ โดยจะมีผลต่ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินรบ เฮลิคอปเตอร์และโดรน ทำให้รัฐบาลอิสราเอลได้แสดงความไม่พอใจออกมาซึ่งทางนายจอห์น ฮีลีย์ รัฐมนตรีกลาโหมของอังกฤษยืนยันว่า การระงับส่งออกอาวุธรอบนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของอิสราเอลอย่างแน่นอน และดำเนินการไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
การตัดสินใจของอังกฤษครั้งนี้ตรงกับเวลาที่ชาวอิสราเอลจำนวนมากร่วมกันประท้วงใหญ่ต่อเนื่องมาเป็นวันที่สาม เพื่อแสดงความโกรธแค้นต่อการสูญเสียเพื่อนร่วมชาติที่ถูกฮามาสจับเป็นตัวประกันตั้งแต่การโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว ตำหนิรัฐบาลว่า เตะถ่วงการทำข้อตกลงหยุดยิงและปล่อยตัวประกัน จนพวกเขาต้องถูกสังหารในอุโมงค์ใต้ตินเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นอกจากการประท้วงตามท้องถนนในเมืองต่างๆแล้ว สหภาพแรงงานที่ใหญ่ที่สุดของอิสราเอลยัดได้นัดหยุดงานประท้วงเช่นกัน เพื่อกดดันให้รัฐบาลเร่งทำข้อตกลงหยุดยิงด้วย
ด้านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของของอิสราเอล ซึ่งกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก นอกจากจะถูกประชาชนกดดันและประณามอย่างรุนแรงแล้ว ยังมีแรงกดดันจากพันธมิตรอย่างอังกฤษด้วย เขากล่าวล่าสุดว่า อังกฤษตัดสินใจผิดที่ระงับการส่งออกอาวุธให้อิสราเอล และเป็นสิ่งที่น่าละอายซึ่งจะยิ่งทำให้ฮามาสฮึกเหิมมาขึ้น แม้ว่านายเนทันยาฮูได้แถลงขอโทษประชาชนที่ตัวประกันต้องเสียชีวิต แต่ยังยืนกรานที่จะเดินหน้าทำสงคราม โดยไม่โอนอ่อนในการเจรจาเพราะกลุ่มฮามาสเป็นฆาตกรที่สังหารตัวประกัน หากยินยอมก็เท่ากับเป็นการบอกให้ฮามาสสังหารตัวประกันคนอื่นๆด้วย
บรรดาผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ถึงแม้จะมีการประท้วงครั้งใหญ่ แต่นายเนทันยาฮูจะยังคงต้านทานแรงกดดันไว้ได้ ตราบใดที่ยังมีเสียงสนับสนุนในรัฐสภาและรักษากลุ่มการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มขวาจัดเพื่อครองเสียงข้างมากเอาไว้อยู่ ดังนั้นหลายฝ่ายจึงหวังว่า แรงกดดันจากประเทศพันธมิตรสำคัญและผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่อย่างสหรัฐอาจช่วยให้รัฐบาลอิสราเอลยินยอมหยุดยิงในสงครามกาซานานเกือบ 1 ปีเต็มที่ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตกว่า 4 หมื่นคน.-812.-สำนักข่าวไทย