กีเตกา 30 ส.ค.- เด็กหญิงวัย 12 ปีในบุรุนดี ยังมีแผลเป็นจาง ๆ ที่เกิดจากติดโรคเอ็มพ็อกซ์ หรือฝีดาษวานร ที่กำลังแพร่ระบาดหนักในทวีปแอฟริกา
เด็กหญิงรายนี้เป็น 1 ในผู้โชคดีไม่กี่คนที่รอดชีวิตจากโรคเอ็มพ็อกซ์ เธอเล่าว่า เริ่มจากมีอาการหนาว จากนั้นปวดศีรษะมาก แม้แต่ยาก็ไม่ช่วยบรรเทาอาการปวด นอกจากนี้ยังเจ็บคอมากจนไม่สามารถรับประทานอาหารได้
ด้านบิดาเผยว่า ได้แต่ดูลูกสาววัย 12 ปี และลูกชายวัย 6 ขวบติดโรคนี้ทั้ง 2 คน และรู้สึกกลัว เพราะเห็นข่าวผู้ป่วยในสื่อสังคมออนไลน์ จึงตัดสินใจพาลูกไปโรงพยาบาล แพทย์แนะนำให้ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ จึงนำถังใส่น้ำและสบู่มาตั้งไว้หน้าบ้าน เพื่อให้ผู้มาเยี่ยมเยียนแต่ละคนได้ล้างมือก่อนเข้ามา
รอยเตอร์ระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้นกับเด็กทั้ง 2 รายในบุรุนดี สะท้อนถึงวิกฤตโรคเอ็มพ็อกซ์ในทวีปแอฟริกาที่พบการระบาดครั้งแรกตั้งแต่ปี 2513 แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก หรือดีอาร์ซี (DRC) ที่เกิดโรคเอ็มพ็อกซ์สายพันธุ์ใหม่ที่มีความรุนแรงขึ้น เพราะนับตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้ พบผู้ป่วยเข้าข่ายแล้วมากกว่า 27,000 คน และเสียชีวิต 1,100 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ขณะที่บุรุนดีพบมากเป็นอันดับ 2 มีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันแล้ว 171 คน
ขณะเดียวกันมีประเทศนอกแอฟริกาอย่างน้อย 70 ประเทศ สามารถเข้าถึงวัคซีนป้องกันเอ็มพ็อกซ์ 2 ชนิดได้อย่างกว้างขวาง ค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนตกคนละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,400 บาท) และองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้โรคนี้เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม.-814.-สำนักข่าวไทย