เคียฟ 16 ส.ค. – ยูเครนได้เปิดฉากรุกกลับเข้าไปในดินแดนของรัสเซียมา 10 วันแล้ว ล่าสุดยังได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการทหารในแคว้นคุทซ์ของรัสเซียด้วย เพื่อบัญชาการรบและบริหารงานในดินแดนยึดครอง
ยูเครนได้ใช้กลยุทธ์ใหม่เพื่อตอบโต้การรุกราน ทำให้รัสเซียต้องถูกต่างชาติโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ในการประชุมฝ่ายความมั่นคงล่าสุดนั้น พลโทโอเล็กซานเดอร์ เซียสกี้ ผู้บัญชาการทหารของยูเครนได้แจ้งว่า กองทัพได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการทหารในดินแดนที่ยึดครอง เพื่อเป็นฐานเพื่อบัญชาการรบ และรักษาความสงบเรียบร้อยรวมถึงดูแลประชาชนในพื้นที่ เขารายงานต่อนายโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี้ ประธานาธิบดียูเครนด้วยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาสามารถรุกคืบลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียได้อีก 1 กิโลเมตรครึ่ง ทำให้ตั้งแต่เปิดปฏิบัติรุกข้ามพรมแดนครั้งใหญ่ที่สุดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม สามารถนำทัพรุกเข้าไปได้ 35 กิโลเมตรจากชายแดน และยึดเมืองและหมู่บ้านของรัสเซียได้ 82 แห่ง รวมแล้วยึดครองดินแดนของข้าศึกแล้วกว่า 1,150 ตารางกิโลเมตร นอกจากนั้นยังสามารถจับกุมทหารรัสเซียเป็นเชลยได้จำนวนหนึ่งด้วย
รัฐบาลยูเครนยืนยันมาตลอดว่า ไม่ต้องการยึดครองดินแดนเหล่านี้อย่างถาวร แต่เพียงต้องการให้รัสเซียได้รับรู้การถูกผู้อื่นรุกรานบ้างหลังจากที่เปิดสงครามกับยูเครน และกดดันให้รัสเซียหันมาเจรจาเพื่อยุติสงคราม
ด้านรัฐบาลรัสเซีย ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในแคว้นคุทซ์ และ อีก 2 แคว้นที่ติดกับยูเครน ขณะที่ได้อพยพประชาชนมากกว่า 1 แสนคนออกจากพื้นที่ ส่วนฝ่ายกองทัพได้พยายามสกัดกั้นการรุกของยูเครน โดยได้ทำลายอาวุธและยานเกราะได้ รวมถึงยึดคืนดินแดนกลับคืนมาด้วย
สถานการณ์เช่นนี้ยังเกิดประเด็นเรื่องการที่ยูเครนนำอาวูธที่ชาติตะวันตกมอบให้ไปใช้ในดินแดนรัสเซีย ซี่งสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ความขัดแย้งขยายวง โดยจนถึงขณะนี้มีบางประเทศเช่น
อังกฤษได้ประกาศชัดเจนว่า ยูเครนสามารถนำรถถังที่อังกฤษบริจาคให้ไปใช้ในรัสเซียได้ แต่ยังไม่มีประเทศใดให้ยินยอมให้ใช้อาวุธหนักอย่างเช่นขีปนาวุธพิสัยไกลไปใช้ได้ เพราะเกรงว่า รัฐบาลรัสเซียจะใช้เป็นเหตุผลในการยกระดับความขัดแย้งกลายเป็นการเผชิญหน้าโดยตรงระหว่างกัน ส่วนกระทรวงกลาโหมของอังกฤษนั้น ประกาศด้วยว่า ยูเครนสามารถนำอาวุธที่อังกฤษบริจาคให้ไปใช้ในการป้องกันตนเอง ทั้งภายในและภายนอกประเทศเช่นกัน โดยยังได้ยืนยันด้วยว่า ยูเครนได้นำรถถัง ชาลเลนเจอร์ 2 ที่อังกฤษมอบไปใช้ในปฎิบัติการครั้งนี้ด้วย.-812.-สำนักข่าวไทย