กรุงเทพ 15 ส.ค. – สำนักข่าวต่างประเทศต่างเสนอข่าวศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยส่วนใหญ่มองว่าเป็นคำวินิจฉัยที่พลิกความคาดหมาย
ทันทีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติ ซีเอ็นเอ็น รายงานว่าคำตัดสินของศาลถือว่าพลิกความคาดหมายของบรรดานักวิเคราะห์การเมืองที่หลายคนมองว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยว่านายเศรษฐาจะไม่ขาดคุณสมบัติ แต่การที่ศาลมีคำตัดสินออกมาแบบนี้ ซีเอ็นเอ็น มองว่าจะทำให้การเมืองไทยยิ่งถลำลึกไปสู่ความไม่แน่นอนมากขึ้น หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วศาลรัฐธรรมนูญก็เพิ่งตัดสินยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิ์ทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี ในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ทั้งคณะและสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้น นางสาวแพรทองธาร ชินวัตรเป็นหนึ่งในทางเลือก ซึ่งหากได้ดำรงตำแหน่งก็จะเป็นนายกฯ คนที่ 3 ที่จะมาจากตระกูลชินวัตร ที่นายทักษิณยังคงมีอิทธิทางการเมืองมาโดยตลอด
เช่นเดียวกับ บีบีซี ที่เห็นว่า นี่เป็นคำตัดสินสำคัญอีกครั้งของศาล ที่เป็นสัญญาณความไม่แน่นอนทางการเมืองเพิ่มขึ้น หลังจากที่ประเทศไทยผ่านการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองด้วยการรัฐประหารมาหลายครั้ง จนเมื่อมีการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่นายเศรษฐา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยการจับมือกับพรรคการเมืองที่กองทัพให้การสนับสนุน แล้วสกัดกั้นพรรคก้าวไกลไม่ให้จัดตั้งรัฐบาลได้ บีบีซีระบุด้วยว่า การเมืองไทยไม่ได้มีชื่อเสียงเรื่องจริยธรรม การทุจริตเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ และในอดีตก็เคยมีผู้ที่เคยต้องคดีร้ายแรงกว่านี้ได้เป็นรัฐมนตรีมาแล้วด้วย
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน ว่าจากนี้ไปนายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีพาณิชย์และรองนายกฯ จะทำหน้าที่รักษาการ นายกรัฐมนตรี ขณะที่สภาผู้แทนจะมีการประชุมเพื่อโหวตนายกฯ คนใหม่ โดยมีชื่อแคนดิเดทคนสำคัญคือนางสาวแพรทองธาร นายอนุทิน ชาญวีรกูล และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รอยเตอร์สรายงาน ด้วยว่าคำตัดสินของศาลในวันนี้ อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่เปราะบางระหว่างนายทักษิณกับฝ่ายตรงข้ามที่อยู่ในขั้วอำนาจเก่าและกองทัพ ซึ่งเคยช่วยให้เขาได้เดินทางกลับไทยเมื่อปีที่แล้วหลังต้องลี้ภัยในต่างประเทศนานถึง 15 ปี
ด้านหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน ในอังกฤษมองถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจด้วย เพราะเกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลนายเศรษฐา กำลังมีปัญหาในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ จากสภาวะการส่งออกตกต่ำ การใช้จ่ายลดน้อยลง และหนี้สินครัวเรือนพุ่งสูง รัฐบาลได้คาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจในปีนี้เพียงร้อยละ 2.7 ซึ่งต่ำกว่าประเทศอื่นๆในอาเซียน ส่วนสภาวะตลาดหุ้นก็ย่ำแย่ ดัชนีถดถอยลงกว่า ร้อยละ 17 ตั้งแต่ต้นปีนี้.-816 (812).-สำนักข่าวไทย