มินนิโซตา 28 ก.ค.- โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีและตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐหาเสียงโจมตีรองประธานาธิบดีคอมมาลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ทั้งที่เคยเรียกร้องเรื่องความเป็นเอกภาพในประเทศ หลังรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหาร
ทรัมป์ วัย 78 ปี หาเสียงที่เมืองเซนต์คลาวด์ รัฐมินนิโซตาเมื่อวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ เริ่มด้วยการประณามเหตุยิงขีปนาวุธคร่าชีวิตเด็ก ๆ ที่สนามฟุตบอลในที่ราบสูงโกลัน ซึ่งเป็นดินแดนยึดครองของอิสราเอล ทรัมป์ระบุว่า เป็นฝีมือของฮิซบอลเลาะห์ และเกิดขึ้นในที่ราบสูงโกลันที่เขาให้การรับรองในสมัยที่เป็นรัฐบาลว่าเป็นดินแดนของอิสราเอล เหตุโจมตีนี้จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่า เกิดจากประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีที่อ่อนแอและไร้ฝีมือของสหรัฐ สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นหากเขายังคงเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ
จากนั้นทรัมป์ได้หาเสียงโจมตีแฮร์ริสว่า เป็นพวกบ้าคลั่งที่เป็นฝ่ายซ้ายหัวรุนแรง เรื่องใหญ่ของเธอมีเรื่องเดียวคือ ยุบกองกำลังตำรวจ หากคอมมาลา แฮร์ริสได้เป็นประธานาธิบดี นั่นหมายถึงอีก 4 ปีของกระแสสุดโต่ง ความอ่อนแอ ความล้มเหลว ความโกลาหล และสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่อาจจะเกิดขึ้น ทรัมป์กล่าวหาพรรคเดโมแครตว่า เป็นพวกหัวรุนแรง ขี้โกง โกงการเลือกตั้งครั้งก่อน และจะโกงการเลือกตั้งครั้งนี้ พร้อมกับปิดท้ายการปราศรัยหาเสียงว่า เขาจะทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
ต่อมานายเจ ดี แวนซ์ ผู้สมัครคู่ชิงรองประธานาธิบดีของทรัมป์ปราศรัยโจมตีแฮร์ริสว่า สงสัยในความจงรักภักดีต่อประเทศชาติของเขา ทั้งที่เขาเคยรับราชการในหน่วยนาวิกโยธิน เคยไปรบที่อิรัก และสร้างธุรกิจเพื่อประเทศ ขณะที่ผู้สมัครคู่ของเขาก็เคยถูกยิงขณะรับใช้ประเทศ จึงอยากถามกลับว่า แฮร์ริสมีสิทธิอะไรมาสงสัยในเรื่องนี้ ทรัมป์และแวนซ์หาเสียงในสนามกีฬาฮอกกีที่มีความจุ 8,000 ที่นั่ง ตามที่หน่วยอารักขาประธานาธิบดีแนะนำให้หลีกเลี่ยงการหาเสียงกลางแจ้ง หลังจากเกิดเหจุพยายามลอบสังหาทรัมป์ขณะหาเสียงกลางแจ้งที่รัฐเพนซิลเวเนียเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม.-814.-สำนักข่าวไทย