ชี้สัมพันธ์ไทย-จีน ตั้งอยู่บนความแข็งแกร่ง-สร้างอนาคตร่วมกัน

กรุงเทพฯ 3 มิ.ย. – ผลงานวิจัยเรื่อง “Building a Thailand-China Community with a Shared Future and Its Implications for Thailand” ซึ่งดำเนินการโดย ศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน ตั้งอยู่บนพื้นฐานประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ฉันมิตรที่แข็งแกร่ง ซึ่งนำไปสู่การเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันอย่างแท้จริงในโลกยุคใหม่


วันนี้ ศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย จัดงานสัมมนาทางวิชาการเรื่อง “Building a Thailand-China Community with a Shared Future” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอและเผยแพร่ผลงานวิจัยเรื่อง “Building a Thailand-China Community with a Shared Future and Its Implications for Thailand” โดยมี ฯพณฯ หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมเป็นองค์ปาฐกถา

อาจารย์ ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้นำเสนอผลงานวิจัยเรื่อง “การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันไทย-จีน และความหมายที่มีต่อประเทศไทย” ซึ่งเป็นงานวิจัยที่ได้ทำร่วมกันกับ ดร.กุลนรี นุกิจรังสรรค์ และ ดร.กรองจันทน์ จันทรพาหา แห่งสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยสรุปผ่าน 3 เรื่องเล่า ที่ชี้ถึงรากฐานของความสัมพันธ์อันเข้มแข็งระหว่างไทยกับจีน ที่ต่อยอดไปถึงความร่วมมือกันเพื่อประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันในยุคปัจจุบัน


เรื่องเล่าประเด็นแรกที่ อาจารย์ ดร.อาร์ม กล่าวถึง คือ ความสัมพันธ์ใกล้ชิดลึกซึ้งในระดับสมาชิกพระราชวงศ์ไทย โดยเฉพาะสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งคนจีนรู้จักกันดีในพระนาม “ซือหลินทงกงจู่ 诗琳通公主 ” ทรงปูทางความสัมพันธ์ไทย-จีน ให้ลึกซึ้งเหนียวแน่น เสริมสร้างสังคมที่มีอนาคตร่วมกันอย่างแท้จริง

เรื่องเล่าประเด็นที่ 2 คือ ประวัติศาสตร์การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับจีน จากบันทึกของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ที่เล่าถึงการเดินทางไปพบกับนายกรัฐมนตรีโจว เอินไหล ของจีน เพื่อลงนามบันทึกความตกลงร่วมกันในปลายยุคสงครามเย็น (เมื่อ 49 ปีที่แล้ว) เพื่อสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าง 2 ประเทศ ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งนายกรัฐมนตรีโจว เอินไหล กำลังพักรักษาตัว แต่การพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาด้วยท่าทีที่เป็นมิตรของผู้นำทั้งสองจากประเทศที่มีระบบการปกครองแตกต่างกัน ก็ถือเป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ทางการทูตที่เป็นธรรมชาติ เสมือนพี่น้องหวนคืนมาพบกัน

การปฏิสัมพันธ์ระหว่างชาวไทยและจีน ความรู้สึกใกล้ชิดเช่นนี้ถือเป็นพื้นฐานความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งของทั้ง 2 ประเทศ ที่สำคัญจากการสำรวจวิจัยประวัติความสัมพันธ์ไทยและจีน นับตั้งแต่ยุคสุโขทัยของไทย และสมัยราชวงศ์หยวนของจีน พบว่า ในกระแสประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทั้งไทยและจีน ไม่เคยมีประวัติความบาดหมาง หรือมีข้อขัดแย้งใด ๆ เลย ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศ ตั้งอยู่บนรากฐานประวัติศาสตร์ของความสัมพันธ์ฉันมิตรที่แข็งแกร่งมาก


เรื่องเล่าที่ 3 คือ ความร่วมมือด้านดาราศาสตร์ที่สำคัญระหว่างไทยและจีน ที่ปรากฏเป็นข่าวไปทั่วโลก เมื่อคณะกรรมการวิทยาศาสตร์ของจีน ในโครงการฉางเอ๋อ-7 ได้คัดเลือกอุปกรณ์สำรวจสภาพอวกาศและตรวจวัดรังสีคอสมิก ของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติของไทย ให้เป็น 1 ใน 7 อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ที่จะนำไปติดตั้งกับยานอวกาศฉางเอ๋อ-7 ประเด็นนี้สะท้อนถึงข้อคิดเกี่ยวกับการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของไทย-จีนยุคใหม่ คือ การเชื่อมโยงแนวคิดการพัฒนาของจีน เข้ากับการพัฒนาของไทย ด้วยการส่งเสริมพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียุคใหม่ ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยยกระดับทางเศรษฐกิจ และเทคโนโลยีของประเทศไทย ซึ่งจะนำพาให้ไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง และบรรลุเป้าประสงค์ของการพัฒนาร่วมกัน หรือ Common Development ที่เป็นแกนหลักของการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ ซึ่งเป็นแนวคิดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน

ในโอกาสนี้ ฯพณฯ หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้กล่าวชื่นชมและแสดงความยินดีกับงานวิจัยซึ่งดำเนินการโดยศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมทั้งย้ำว่า จีนมีแนวคิดในการร่วมสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ โดยยึดหลักความไว้เนื้อเชื่อใจ เกื้อกูลซึ่งกันและกัน และตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงและความเสมอภาค สอดคล้องกับแนวคิดแห่งสันติภาพ เพื่อโลกใหม่ที่มีสันติภาพและก้าวหน้า จีน-ไทยมีผลประโยชน์ร่วมกันในกิจการระหว่างประเทศทั้งในระดับโลกและภูมิภาค การกระชับความสัมพันธ์ ร่วมมือกัน เพื่อสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะนำประโยชน์สูงสุดมาสู่ประเทศและประชาชน

ขณะที่ ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ตั้งแต่อดีต รัฐบาลไทยและจีนมีความร่วมมือและมีความสัมพันธ์กันอย่างเหนียวแน่น ช่วยเหลือและร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอดระยะเวลาเกือบ 50 ปี ความสัมพันธ์ที่มีรากฐานที่มั่นคง มีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด และมีพลังสร้างสรรค์เช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นตัวอย่างความสัมพันธ์ 2 ประเทศ ที่ยั่งยืนของโลกยุคใหม่.-811(814).-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มพาลูก-เมียกลับจากฉลองวันเกิด รถยางระเบิดเสียหลักชนเสาไฟ ดับ 3 สาหัส 2

พ่อแม่ลูก 5 คน กลับจากฉลองวันเกิด รถกระบะยางระเบิดเสียหลักหมุนชนอัดเสาไฟฟ้า พ่อและแม่พร้อมลูกคนโตเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกคนกลางและคนเล็กอาการสาหัส

สุดโหด! ไล่แทงหนุ่มดับปมขัดแย้งยาเสพติด

วงจรปิดจับภาพชัด คนร้ายวิ่งข้ามถนนไล่แทงหนุ่มเสียชีวิต ชาวบ้านแตกตื่น ขณะที่ตำรวจรวบตัวทันควัน คาดปมขัดแย้งยาเสพติด

กยศ.เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน พ.ค.-มิ.ย.68

กยศ. เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน ช่วยเหลือชั่วคราว พ.ค.-มิ.ย.68 ให้นายจ้างลดยอดการหักเงินเดือน ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเริ่มผ่อนชำระใหม่เป็นรายเดือนในอัตราลดลง

ข่าวแนะนำ

“อัศนี” ประกาศชัยชนะนายกเล็กเชียงใหม่ หลังนับคะแนนผ่านไป 78%

เชียงใหม่ 11 พ.ค. – “อัศนี บูรณุปกรณ์” ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จากพรรคเพื่อไทย ประกาศชัยชนะ หลังนับคะแนนผ่านไปกว่า 78% ทิ้งห่างคู่แข่งจากพรรคประชาชน 4,000 คะแนน นายอัศนี บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จากพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้สนับสนุน ต่างปรบมือแสดงความดีใจ หลังการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการผ่านไปเกินร้อยละ 78 ได้คะแนนกว่า 17,000 คะแนน ทิ้งห่างนายธีรวุฒิ แก้วฟอง จากพรรคประชาชน กว่า 4,000 คะแนน พร้อมประกาศชัยชนะ โดยขอบคุณทุกคะแนนเสียง รวมทั้งพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าชัยชนะครั้งนี้มาจากความใกล้ชิดประชาชนในพื้นที่ ยืนยันเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ไม่ใช่เก้าอี้ที่สืบทอดของบ้านใหญ่บูรณุปกรณ์ แต่มาจากการทำงานใกล้ชิดประชาชนจนมีความเชื่อมั่น ยืนยันพร้อมเดินหน้านโยบายเร่งด่วนใน 100 วันแรก เร่งป้องกันปัญหาน้ำท่วม เพราะเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เมื่อถามว่า หนักใจกับการถูกร้องเรียนหลังเลือกตั้งหรือไม่ นายอัศนี ยืนยันว่า ทีมงานของตนมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และพร้อมจะดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป.-713-สำนักข่าวไทย

เฮลั่น “ธัญญก้าวหน้า” ชนะยกทีม เลือกตั้งเทศบาลธัญบุรี

ปทุมธานี 11 พ.ค. – นับคะแนนเสร็จสิ้นแล้วอย่างไม่เป็นทางการ เลือกตั้งเทศบาลธัญบุรี จ.ปทุมธานี “นายกเบี้ยว” ประกาศลั่น “ธัญญก้าวหน้า” คว้าชัยชนะยกทีม “ยุพเยาว์” นั่งนายกเทศมนตรี ส่วน “ลูกพีช” ได้เป็น สท. -สำนักข่าวไทย

กกต.พอใจภาพรวมเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศ

11 พ.ค. – กกต.พอใจภาพรวมการเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หวังมีผู้มาใช้สิทธิตามเป้า 70% พร้อมกำชับ จนท.ขานคะแนนให้ชัด และเตรียมแผนเผชิญเหตุกรณีฝนตก-ไฟดับ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจดูการใช้สิทธิของประชาชน ในการใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี พื้นที่เพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะที่สถานการณ์ทั่วประเทศที่ได้รับรายงานพบบางจังหวัดมีข่าวซื้อเสียงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ ไม่พบตามที่มีการแจ้ง และไม่น่าจะส่งผลกระทบให้ต้องเลือกตั้งใหม่ ประธาน กกต. เผยในการเลือกตั้งตรวจดูตามหน่วยเลือกตั้ง ได้กำชับกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งเรื่องการนับคะแนน เพื่อหลีกเลี่ยงการร้องเรียนว่าขานคะแนนไม่ชัด หรือไม่ได้ยิน แสงสว่างน้อย จึงขอให้ขานคะแนนช้าๆ ชัดๆ เพื่อไม่ให้ผู้สังเกตการณ์เกิดความสงสัย และหากมีฝนตกก็ต้องมีแผนเผชิญเหตุ โดยเฉพาะหากไฟฟ้าดับ ส่วนผู้ใช้สิทธิจะมากกว่าครั้งที่แล้ว โดยครั้งนี้ตังเป้าไว้ร้อยละ 70 เพราะดูจากการมาใช้สิทธิตลอดทั้งวันเป็นไปด้วยความคึกคัก แต่ในแต่ละจังหวัดจะไม่เท่ากัน ขณะที่การนับคะแนน หลังปิดการลงคะแนนเมื่อเวลา 17.00 น. ที่ผ่านมา กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง โรงเรียนหัวหินวิทยาคม ซึ่งมี 6 หน่วยเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่แจ้งหมดเวลาปิดการลงคะแนน และเริ่มการนับคะแนนทันที โดยเป็นการนับคะแนนนายกเทศมนตรี และมานับคะแนนสมาชิกสภาเทศบาล ท่ามกลางตัวแทนผู้สมัครมาเฝ้าสังเกตการณ์ สำหรับการเลือกตั้งเทศบาลมีจำนวน 2,463 แห่ง และหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด […]

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]