กัวลาลัมเปอร์ 8 มิ.ย. – เจ้าหน้าที่มาเลเซียปกป้องการตัดสินใจขับไล่ “ชาวเล” ที่เป็นชนเผ่าเร่ร่อนทางทะเลจากบ้านเรือนของพวกเขาที่บริเวณนอกชายฝั่งรัฐซาบาห์ในสัปดาห์นี้ โดยอ้างว่าการรื้อถอนกระท่อมและไล่ที่ชนเผ่าเร่ร่อนนี้มีเป้าหมายในเรื่องการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยและการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน
คริสตินา ลิว รัฐมนตรีด้านท่องเที่ยว วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมของรัฐซาบาห์กล่าววานนี้ว่า เจ้าหน้าที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการกับกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น ประมง ก่อสร้างและทำการเกษตรโดยไม่ได้รับอนุญาต ในพื้นที่คุ้มครองที่อยู่ภายใต้การควบคุมของซาบาห์ ปาร์ค ซึ่งเป็นหน่วยงานด้ายอนุรักษ์ของรัฐซาบาห์ เธอกล่าวด้วยว่า ได้ส่งหมายแจ้งให้อพยพไปยังบ้านที่ปลูกอย่างผิดกฎหมาย 273 หลังเมื่อเดือนที่แล้ว และเมื่อวันอังคารถึงวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา มีการรื้อถอนบ้านไปแล้ว 138 หลังในพื้นที่จุดสำคัญรอบ ๆ อุทยานทางทะเลตุน ซาการัน ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญด้านการดำน้ำ เธอกล่าวว่า ได้รับรายงานจากตำรวจว่า เจ้าของบ้านบางคนจุดไฟเผาบ้านตนเองเพื่อเรียกร้องความเห็นใจและภาพก็ถูกส่งต่อเป็นไวรัลทางสื่อสัมคมออนไลน์
นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนท้องถิ่นเปิดเผยว่า สมาชิกชนเผ่าเร่ร่อนมากกว่า 500 คน จากชุมชนชาวเลที่เรียกว่า บาจาว-ลาอุต ส่วนใหญ่เป็นคนไร้รัฐและอาศัยอยู่บนเรือที่ใช้เป็นบ้าน หรือ กระท่อมที่สร้างขึ้นบริเวณริมชายหาด ต้องยืนมองกระท่อมของพวกเขาถูกรื้อถอนหรือถูกเผาทิ้งโดยเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายของมาเลเซียในสัปดาห์นี้ ปฎิบัติการในเขตเซมปอร์นา ในรัฐซาบาห์ดังกล่าวถูกวิพากษ์ตำหนิจากกลุ่มเรียกร้องสิทธิมนุษยชนและพวกเขาเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดการขับไล่และให้การปกป้องและรักษาความปลอดภัยให้กับชาวเลบาจาว-ลาอุต.-813.-สำนักข่าวไทย