“สี จิ้นผิง”- “ปูติน” แจง 5 หลักการหนุนสัมพันธ์จีน-รัสเซีย

ปักกิ่ง 17 พ.ค. – ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนและประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ร่วมพบปะสื่อมวลชน ณ กรุงปักกิ่งของจีนพบปะเจรจากันที่กรุงปักกิ่งของจีนเมื่อวานนี้


สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า นายสีกล่าวต้อนรับนายปูตินอย่างอบอุ่น พร้อมชี้ว่าการเยือนจีนอย่างเป็นทางการครั้งนี้ของนายปูตินถือเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกนับตั้งแต่นายปูตินเริ่มต้นวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีก 1 สมัย รวมถึงสะท้อนว่าปูตินและฝ่ายรัสเซียให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างมาก

นายสีและนายปูตินได้ข้อสรุปจากการประชุมหารืออย่างฉันมิตรและจริงใจในหลายประเด็น โดยมีการทบทวนประสบการณ์ความสำเร็จในการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย ตลอด 75 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่การสถาปนาสายสัมพันธ์ทางการทูต แลกเปลี่ยนมุมมองเชิงลึกที่มีต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีและประเด็นสำคัญอันเป็นผลประโยชน์ร่วมกันในระดับนานาชาติและภูมิภาค และกำหนดทิศทางความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างจีน-รัสเซียในทุกภาคส่วน


นอกจากนั้นนายสีและนายปูตินยังลงนามและออกแถลงการณ์ร่วมจีนและรัสเซียว่าด้วยการกระชับความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านของความร่วมมือในยุคใหม่ภายใต้บริบทวาระครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-รัสเซีย และเป็นสักขีพยานการลงนามเอกสารความร่วมมือสำคัญระหว่างรัฐบาลและระหว่างหน่วยงานหลายฉบับ ซึ่งจะอัดฉีดแรงกระตุ้นใหม่อันแข็งแกร่งสู่การพัฒนาความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย

นายสีกล่าวว่าตลอด 75 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย ได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้นท่ามกลางคลื่นลมพายุ ขณะตั้งแต่เข้าสู่ยุคใหม่ มีการยกระดับความสัมพันธ์ดังกล่าว ส่งเสริมความร่วมมือเพิ่มเติม และกระชับมิตรภาพเก่าแก่ให้หยั่งรากลึกในใจของประชาชนสองประเทศยิ่งขึ้น โดยความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย กลายเป็นตัวอย่างอันดีของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบใหม่ รวมถึงความสัมพันธ์ฉันเพื่อนบ้านที่ดีระหว่างสองประเทศใหญ่ ซึ่งความก้าวหน้าโดดเด่นของความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย เป็นผลจากทั้งสองประเทศยึดมั่นหลักการ 5 ข้อ

หลักการข้อที่ 1 จีนและรัสเซียยึดมั่นการเคารพซึ่งกันและกันเป็นหลักการพื้นฐานของความสัมพันธ์และสนับสนุนผลประโยชน์หลักของอีกฝ่ายเสมอมา โดยประธานาธิบดีทั้งสองเห็นพ้องว่ากุญแจของสองประเทศในการแสวงหาวิถีทางใหม่ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใหญ่ที่เป็นเพื่อนบ้านกันคือการเคารพซึ่งกันและกันและความเท่าเทียม รวมถึงการสนับสนุนประเด็นอันเกี่ยวพันกับผลประโยชน์หลักและข้อวิตกกังวลของอีกฝ่าย นี่เป็นแกนกลางของความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านของความร่วมมือจีน-รัสเซียในยุคใหม่


จีนและรัสเซียจะเดินหน้ายึดมั่นหลักการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่ปะทะคะคาน และไม่มุ่งเป้าไปยังบุคคลที่สาม ส่งเสริมความไว้วางใจทางการเมืองแบบสองทาง เคารพการเลือกวิถีทางการพัฒนาของอีกฝ่าย และบรรลุการพัฒนาและการฟื้นฟูด้วยแรงสนับสนุนจากอีกฝ่าย

หลักการข้อที่ 2 จีนและรัสเซียยึดมั่นความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์เป็นพลังขับเคลื่อนความสัมพันธ์และเสริมสร้างกระบวนทัศน์ใหม่ของผลประโยชน์ร่วม โดยการค้าสองทางในปี 2023 สูงเกิน 2 แสน 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.66 ล้านล้านบาท) สูงขึ้นจากทศวรรษก่อนเกือบ 2.7 เท่า นี่เป็นตัวบ่งชี้ที่ดีของความร่วมมือรอบด้านเพื่อผลประโยชน์ร่วมระหว่างสองประเทศ และประธานาธิบดีทั้งสองเห็นพ้องว่าทั้งสองประเทศต้องแสวงหาจุดที่ผลประโยชน์บรรจบกัน ใช้ประโยชน์จากจุดแข็งที่เทียบเคียงกันได้ กระชับการบูรณาการผลประโยชน์ และช่วยให้อีกฝ่ายประสบผลสำเร็จ

จีนและรัสเซียต้องปรับปรุงโครงสร้างความร่วมมือเพิ่มเติม เสริมสร้างทิศทางอันดีของการค้าและความร่วมมือดั้งเดิมอื่นๆ สนับสนุนการจัดตั้งแพลตฟอร์มและเครือข่ายการวิจัยขั้นพื้นฐาน เดินหน้าปลดล็อกศักยภาพความร่วมมือแนวหน้า ยกระดับความร่วมมือด้านท่าด่าน การขนส่ง และโลจิสติกส์ และช่วยรักษาเสถียรภาพของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานระดับโลก

หลักการข้อที่ 3 จีนและรัสเซียยึดมั่นมิตรภาพเก่าแก่เป็นรากฐานของความสัมพันธ์และสานต่อมิตรภาพจีน-รัสเซีย โดยทั้งจีนและรัสเซียมีประวัติศาสตร์เก่าแก่และวัฒนธรรมงดงาม ผลงานของพุชกินและตอลสตอยนั้นเป็นที่รู้จักดีในจีน ขณะอุปรากรปักกิ่งและมวยไทเก๊กนั้นเป็นที่ชื่นชอบของชาวรัสเซีย ทั้งสองประเทศกำลังขยับขยายสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและระหว่างประชาชน โดยมุ่งเน้นการดำเนินการตามแผนงานความร่วมมือจีน-รัสเซียว่าด้วยการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและระหว่างประชาชนก่อนปี 2030

ประธานาธิบดีทั้งสองได้กำหนดให้ปี 2024 และ 2025 เป็นปีแห่งวัฒนธรรมจีน-รัสเซีย เสนอกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่เป็นรูปธรรม ใกล้ตัวประชาชน และเป็นที่นิยม พร้อมกระตุ้นการมีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างภาคส่วนต่างๆ และระดับท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกันและความผูกพันระหว่างประชาชน

หลักการข้อที่ 4 จีนและรัสเซียยึดมั่นความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์เป็นเสาค้ำจุนความสัมพันธ์และกำหนดทิศทางที่ถูกต้องของธรรมาภิบาลโลก โดยทั้งสองประเทศมุ่งมั่นคุ้มครองระบบระหว่างประเทศอันมีสหประชาชาติเป็นศูนย์กลางและระเบียบระหว่างประเทศที่มีกฎหมายระหว่างประเทศเป็นฐานรับรอง จีนและรัสเซียร่วมมือและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดบนเวทีพหุภาคีต่างๆ เช่น สหประชาชาติ เอเปก และจี20 พร้อมเดินหน้าระบบหลายขั้วอำนาจและโลกาภิวัฒน์ทางเศรษฐกิจด้วยจิตวิญญาณแห่งพหุภาคีที่แท้จริง

จีนจะสนับสนุนรัสเซียในการเป็นประธานกลุ่มประเทศบริกส์ในปีนี้ และรัสเซียจะสนับสนุนจีนในการเป็นประธานองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ในปีนี้เช่นกัน ทั้งสองฝ่ายจะร่วมสร้างความเป็นหุ้นส่วนคุณภาพสูงที่รอบด้าน ใกล้ชิด เป็นรูปธรรม และครอบคลุมทั่วถึงยิ่งขึ้น ตลอดจนร่วมสร้างความสามัคคีและความแข็งแกร่งของโลกใต้ (Global South)

หลักการข้อที่ 5 จีนและรัสเซียยึดมั่นความเป็นธรรมและความยุติธรรมเป็นเป้าประสงค์ของความสัมพันธ์และสนับสนุนการสร้างข้อตกลงทางการเมืองในประเด็นร้อน โดยยามแนวคิดสงครามเย็นยังไม่จางหาย และลัทธิกระทำฝ่ายเดียว ลัทธิอำนาจนำ การเผชิญหน้าแบบแบ่งพรรคแบ่งพวก และการเมืองเชิงอำนาจคุกคามสันติภาพโลกและความมั่นคงของทุกประเทศ ประธานาธิบดีทั้งสองมองว่าการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งปาเลสไตน์-อิสราเอลถือเป็นเรื่องเร่งด่วน การดำเนินการตามมติของสหประชาชาติเป็นเรื่องจำเป็น และปัญหาปาเลสไตน์ต้องแก้ไขบนพื้นฐานแนวทางสองรัฐ

จีนและรัสเซียเชื่อว่าการสร้างข้อตกลงทางการเมืองเป็นวิถีทางอันถูกต้องของวิกฤตยูเครน โดยจุดยืนของจีนต่อประเด็นนี้ยังคงเดิมและชัดเจน ได้แก่ การยึดมั่นเจตจำนงและหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ เคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของทุกประเทศ เคารพข้อคำนึงด้านความมั่นคงตามกฎหมายของทุกฝ่าย และสร้างสถาปัตยกรรมความมั่นคงใหม่ที่มีสมดุล ประสิทธิภาพ และยั่งยืน จีนหวังว่าสันติภาพและความมั่นคงจะกลับคืนสู่ทวีปยุโรปในเร็ววัน และพร้อมมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์เพื่อบรรลุสิ่งดังกล่าว

นายสี ทิ้งท้ายว่ามิตรภาพเก่าแก่และความร่วมมือรอบด้านระหว่างจีนและรัสเซียเป็นแรงผลักดันสองประเทศฟันฝ่าคลื่นลมพายุ โดยจีนและรัสเซียจะยังคงยึดมั่นเป้าประสงค์ตั้งต้นและร่วมกันแสดงความรับผิดชอบเพื่อเพิ่มพูนผลประโยชน์แก่ประชาชน รวมถึงมีส่วนส่งเสริมเสถียรภาพและความมั่นคงของโลกต่อไป.-813.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย

สภาหอการค้าไทย 18 ก.ย.-นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย ย้ำนำชื่อ ครม. ทูลเกล้าฯ แล้ว ลั่นลุยงานทันที หลังโปรดเกล้าฯ เผย “เอกนิติ” คัด รมช.คลัง มาเองกับมือ โวเร่งเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ระหว่างคณะรัฐบาล และคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยนายอนุทินกล่าวว่า มาวันนี้เพื่อพบกับทุกคน และมีว่าที่รัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับตน เจอกันมานาน มีความสนิทสนมคุ้นเคย เคารพนับถือกันเป็นอย่างดี นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่มาวันนี้ เพื่อมาพบทุกท่านและนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจมาแนะนำให้รู้จัก เชื่อว่าหลายคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้ตั้งใจมารับฟังรายละเอียด และรับฟังข้อเสนอแนะจากสภาหอการค้าไทย รัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นรัฐบาลที่จะเน้นในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความกระชับและเข้มแข็งขึ้นเร็วที่สุด ภายใต้ระยะเวลาที่มีอยู่ นายอนุทินยังแนะนำผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของตนซึ่งได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อไปแล้ว เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ก็จะเร่งแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา และสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ผู้ร่วมประชุมได้รู้จัก โดยในขณะที่แนะนำว่าที่รัฐมนตรี นายอนุทิน ได้กล่าวถึงนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่า เป็นคนฝีมือดี ซึ่งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส […]

พายุในทะเลจีนใต้ ส่อแรงขึ้นเป็นโซนร้อน ทำฝนเพิ่มระยะนี้

กรุงเทพฯ 18 ก.ย.-กรมอุตุฯ เตือนพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน แม้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ส่งผลให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านตอนกลางประเทศ ทำให้ไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และบางพื้นที่อาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ย้ำจะมีฝนตกต่อเนื่องถึงต้นเดือนตุลาคม นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศเปิดเผยว่า พายุลูกดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 120.0 องศาตะวันออก บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ เคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้วในช่วงเช้าวันนี้ (18 ก.ย.) โดยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือค่อนตะวันตกเล็กน้อย ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 19–20 กันยายน 2568 ทั้งนี้แม้พายุไม่ได้เข้าไทยโดยตรง แต่จากอิทธิพลทางอ้อมของพายุ จะดันให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมากในช่วงวันที่ 18–25 กันยายนนี้ พื้นที่ที่มีแนวโน้มฝนตกสะสมในระดับเสี่ยง ได้แก่ จังหวัดอำนาจเจริญ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน […]

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]