บราติสลาวา 16 พ.ค.- นายโรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกียที่ถูกคนพยายามลอบสังหารเมื่อวานนี้ เป็นนักการเมืองที่พร้อมปรับเปลี่ยนตามกระแสสังคมและความเป็นจริงทางการเมือง แต่เริ่มใช้นโยบายสุดโต่งในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
นักสังคมศาสตร์ สถาบันนโยบายบราติสลาวาของสโลวาเกียหรือที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าสาธารณรัฐสโลวักกล่าวถึงนายฟิโกว่า เป็นผู้ชำนาญในการใช้อำนาจเก่งที่สุดในสโลวาเกียเท่าที่เคยมีมา และยังไม่มีคู่แข่งจนถึงขณะนี้ เขามักทำตามผลสำรวจความคิดเห็นอยู่เสมอ และเข้าใจกระแสสังคม โดยได้รณรงค์หาเสียงว่าจะยุติการให้การสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครนที่เป็นประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อประโยชน์ของสโวลาเกียและต้องการให้สงครามยุติ ทำให้พรรคของเขาได้เสียงมากที่สุดในการเลือกตั้งรัฐสภาวันที่ 30 กันยายน 2566 เพราะชาวสโลวักส่วนใหญ่จากทั้งหมด 5.5 ล้านคน ไม่คิดว่ารัสเซียเป็นฝ่ายผิดในสงครามยูเครน
นายฟิโกเกิดในครอบครัวชนชั้นแรงงาน จบการศึกษาด้านกฎหมาย ชนะเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรกในปี 2549 ด้วยการชูนโยบายต่อต้านการปฏิรูปเศรษฐกิจเสรี แต่ก็เข้าร่วมการใช้สกุลเงินยูโรในปี 2552 ทั้งที่ตั้งรัฐบาลผสมกับพรรคการเมืองชาตินิยม ต่อมาชนะเลือกตั้งสมัยที่ 2 ในปี 2555 ตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2532 ตามด้วยชนะเลือกตั้งสมัยที่ 3 ในปี 2559 และชนะเลือกตั้งครั้งหลังสุดในเดือนกันยายน 2566 จากนั้นสาบานตนรับตำแหน่งในวันที่ 25 ตุลาคม 2566
นายฟิโกประสานความต้องการของกลุ่มสนับสนุนยุโรปกับกลุ่มชาตินิยมต่อต้านยุโรปและสหรัฐได้อย่างเชี่ยวชาญตลอดการเป็นนักการเมืองในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา และในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเขาเริ่มใช้นโยบายสุดโต่งมากขึ้น เช่น วิพากษ์วิจารณ์ชาติตะวันตกทั้งที่สโลวาเกียเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปหรืออียู และองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต คัดค้านการใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย รับปากยุติการให้การสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครน และขู่จะใช้สิทธิยับยั้งหากนาโตจะรับยูเครนเป็นสมาชิก นอกจากนี้ยังเสนอปฏิรูปกฎหมายอาญาและสื่อ ทำให้เกิดความกังวลว่าจะบั่นทอนการปกครองโดยใช้หลักนิติธรรม.-814