บัลติมอร์ 29 มี.ค.- เหตุสะพานบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ของสหรัฐพังถล่มหลังจากถูกเรือสินค้าชนเมื่อเช้ามืดวันที่ 26 มีนาคม 2567 ตามเวลาท้องถิ่น สร้างความตกใจให้แก่ผู้คนทั่วโลก เพราะไม่คิดว่า สะพานใหญ่ขนาดนี้จะพังถล่มลงมาทั้งหมด เพียงเพราะถูกเรือชนเสาตอม่อสะพานเพียงครั้งเดียว
ย้อนเหตุการณ์ก่อนสะพานถล่ม
คณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติของสหรัฐ หรือเอ็นทีเอสบี (NTSB) เปิดเผยข้อมูลที่ได้จากเสียงวิทยุติดต่อในเครื่องบันทึกข้อมูลของเรือดาลี (Dali) ที่ชนกับสะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ (Francis Scott Key Bridge) ในเมืองบัลติมอร์ว่า เจ้าหน้าที่นำร่องที่อยู่บนเรือได้วิทยุขอความช่วยเหลือจากเรือลากจูงอยู่หลายนาที นอกจากนี้ยังวิทยุแจ้งว่าเรือไฟดับทั้งลำก่อนแล่นถึงสะพาน และสั่งการให้ลูกเรือทอดสมอ ซึ่งน่าจะทำไปเพื่อชะลอความเร็วของเรือ
คลิปวิดีโอที่จับภาพเหตุการณ์นาทีที่เกิดเหตุ เห็นไฟบนเรือติด ๆ ดับ ๆ และมีกลุ่มควันดำลอยขึ้นจากเรือ ก่อนเรือชนกับสะพานในเวลา 01:28 น.ของวันที่ 26 มีนาคม 2567 ตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นสะพานทั้งหมดได้พังถล่มลงในแม่น้ำปาแทปสโก (Patapsco River) ภายในเวลาไม่ถึงนาที ทำให้ทางการต้องระงับการเดินเรือผ่านท่าเรือบัลติมอร์ที่เป็นท่าเรือสำคัญของสหรัฐ
เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบอย่างไรต้องมาทำความรู้จักกับสิ่งที่เกี่ยวข้องเหตุการณ์ทั้งหมด ทั้งสะพาน เรือ และท่าเรือ
สะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์
สะพานแห่งนี้ได้รับการตั้งชื่อตามฟรานซิส สกอตต์ คีย์ อัยการ นักประพันธ์และกวีชาวอเมริกัน ผู้ประพันธ์เพลงชาติสหรัฐ “เดอะสตาร์ สแปงเกิลด์แบนเนอร์ (The Star-Spangled Banner) ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 จนถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นสะพานเหล็ก มีความยาวทั้งหมด 2.57 กิโลเมตร ช่วงกลางสะพาน (main span) มีความยาว 366 เมตร เริ่มก่อสร้างในปี 2515 และเปิดใช้งานเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2520 ทอดข้ามแม่น้ำปาแทปสโก สะพานประกอบด้วยถนน 4 เลนเชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 695 และเป็นเส้นทางหลักของถนนวงแหวนรอบเมืองในรัฐแมริแลนด์
เรือดาลี
เรือบรรทุกสินค้าลำนี้ตั้งชื่อตามชื่อของซัลบาโด ดาลี ศิลปินชื่อดังชาวสเปน เรือมีความยาวประมาณ 290 เมตร กว้าง 48 เมตร มีน้ำหนักรวม 95,128 ตัน ต่อขึ้นในปี 2558 โดยฮุนได เฮฟวีอินดัสทรีส์ของเกาหลีใต้ เจ้าของเรือคือ เกรซ โอเชียน (Grace Ocean) ของสิงคโปร์ บริหารจัดการโดยซินเนอร์จี มารีน กรุ๊ป (Synergy Marine Group) ของสิงคโปร์ และให้เมอส์ก (Maersk) บริษัทขนส่งสินค้าของเดนมาร์กเช่าใช้งานในขณะที่เกิดเหตุ
เรือบรรทุกตู้สินค้าขนาด 20 ฟุต จำนวน 4,679 ตู้ เดินทางออกจากเมืองบัลติมอร์เมื่อเวลา 01.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นเพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงโคลัมโบเมืองหลวงของศรีลังกา ซินเนอร์จี มารีน กรุ๊ปบอกว่า เจ้าพนักงานนำร่อง 2 คนที่อยู่บนเรือเป็นชาวบัลติมอร์ทั้งคู่ ส่วนลูกเรือทั้ง 22 คนเป็นชาวอินเดียที่บริษัทเป็นผู้จัดจ้างและดูแล ขณะที่เมอส์กยืนยันว่า ไม่มีลูกเรือหรือบุคลากรของบริษัทอยู่บนเรือ
ด้านการท่าเรือและการเดินเรือของสิงคโปร์แจ้งว่า เรือดาลีมีใบรับรองที่ยังไม่หมดอายุจากสมาคมจัดชั้นเรือและใบรับรองการตรวจเรือตามกฎหมายเกี่ยวกับความสมบูรณ์ของโครงสร้างและการทำงานของอุปกรณ์ในช่วงที่เกิดเหตุชนสะพาน นอกจากนี้เรือยังผ่านการตรวจสอบของท่าเรือต่างประเทศ 2 แห่งเมื่อเดือนมิถุนายนและกันยายน 2566 ด้วย
แต่โฆษกการท่าเรือแอนต์เวิร์ปของเบลเยียมเปิดเผยหลังจากเกิดเหตุสะพานบัลติมอร์ถล่มว่า เรือดาลีเคยเกิดเหตุท้ายเรือครูดเข้ากับท่าเทียบเรือ ขณะกำลังออกจากท่าขนส่งสินค้าทะเลเหนือเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2559 ทําให้ตัวเรือได้รับความเสียหายเป็นทางยาวแต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสร้างมลพิษแต่อย่างใด
ท่าเรือบัลติมอร์
ข้อมูลบนเว็บไซต์ของรัฐบาลแมริแลนด์ระบุว่า ท่าเรือแห่งนี้เป็นหนึ่งในท่าเรือที่พลุกพล่านที่สุดของประเทศและเป็นศูนย์กลางที่สําคัญของการขนส่งด้านชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขนส่งยานยนต์ รวมถึงเครื่องจักรที่ใช้ในการก่อสร้าง ทำการเกษตรและเหมืองแร่ถ่านหิน
ทั้งนี้แม้ว่ามีขนาดเล็กกว่าท่าเรืออื่น ๆ ทางฝั่งตะวันออกของประเทศ ท่าเรือบัลติมอร์มีความพลุกพล่านมากเป็นอันดับ 9 ของสหรัฐ และพลุกพล่านที่สุดสำหรับการส่งออกยวดยาน เฉพาะปี 2566 มีการส่งออกรถยนต์และยวดยานผ่านท่าเรือนี้มากกว่า 750,000 คัน มีทั้งแบรนด์ใหญ่ของสหรัฐ สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป นอกจากนี้ท่าเรือแห่งนี้ยังจ้างงานคนโดยตรง 15,000 ตำแหน่ง และโดยอ้อมอีกราว 140,000 ตำแหน่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทางการสหรัฐสั่งระงับการเดินเรือทั้งหมดผ่านท่าเรือแห่งนี้โดยไม่มีกำหนด
เสียงเรียกร้องจากผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม
ภาพสะพานที่พังครืนลงมาทั้งหมด หลังจากถูกเรือสินค้าชนเสาตอม่อสะพานเพียงครั้งเดียว ทำให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมออกมาเรียกร้องว่า จะต้องเพิ่มการป้องกันเสาตอม่อสะพานที่ทอดข้ามแม่น้ำที่มีการเดินเรือพลุกพล่าน เพราะเรือสินค้าปัจจุบันนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อหลายทศวรรษก่อน
สะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ เป็น 1 ในสะพานที่รัฐบาลกลางสหรัฐจัดให้อยู่ในประเภทที่หากช่วงหนึ่งของสะพานพัง ก็เสี่ยงจะทำให้โครงสร้างทั้งหมดพังลงมา หรือที่เรียกว่า fracture critical ข้อมูลของสำนักงานบริหารทางหลวงแห่งชาติระบุว่า สหรัฐมีสะพานประเภทนี้มากกว่า 16,800 แห่ง โดยมีสะพานชื่อดังหลายแห่งรวมอยู่ด้วยอย่าง สะพานโกลเดนเกตในซานฟรานซิสโก สะพานบรุกลินและสะพานแมนฮัตตันในนครนิวยอร์ก
สะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์เปิดใช้งานในปี 2520 หรือ 3 ปีก่อนเกิดเหตุเรือลักษณะเดียวกันชนเสาตอม่อสะพานซันไชน์ สกายเวย์ (Sunshine Skyway Bridge) ในรัฐฟลอริดา ครั้งนั้นมีคนเสียชีวิตมากถึง 35 คน ส่วนครั้งนี้พบผู้เสียชีวิตแล้ว 6 คน เป็นคนงานที่กำลังซ่อมหลุมพื้นสะพานในขณะเกิดเหตุ เหตุการณ์ที่ฟลอริดาทำให้ผู้ออกแบบสะพานได้รับบทเรียนเรื่องต้องเสริมความปลอดภัยให้แก่เสาตอม่อสะพาน ด้วยการติดตั้งบังโคลน ติดตั้งเสาเล็ก ๆ ล้อม หรือทำเนินหินและดิน ป้องกันเสาตอม่อไม่ให้ถูกเรือชนโดยตรง
TNA News-Now-Next: Final Thoughts
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสะพานในบัลติมอร์ของสหรัฐแม้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวสำหรับประเทศไทยที่มีการขนส่งสินค้าทางเรือเป็นช่องทางหนึ่งในการทำการค้าระหว่างประเทศ การเรียนรู้และถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศอื่น เพื่อนำมาป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำย่อมเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์เสมอ.-818(814).-สำนักข่าวไทย