วอชิงตัน 26 มี.ค.- ความสัมพันธ์ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลร้าวฉานเมื่อวันจันทร์ หลังจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอสซี (UNSC) ผ่านญัตติหยุดยิงในกาซาได้เพราะสหรัฐงดออกเสียง
นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูสั่งยกเลิกกะทันหันเรื่องคณะตัวแทนอาวุโสของสหรัฐจะเดินทางมาในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือเรื่องอิสราเอลขู่ใช้ปฏิบัติการรุกภาคพื้นดินในเมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของกาซา ซึ่งเป็นที่ลี้ภัยสุดท้ายของชาวปาเลสไตน์หนีสงคราม ผู้นำอิสราเอลกล่าวว่า การที่สหรัฐไม่ใช้สิทธิยับยั้งหรือวีโต้ ญัตติของยูเอ็นเอสซีที่เรียกร้องให้อิสราเอลและฮามาสหยุดยิงทันที และปล่อยตัวประกันในกาซา ถือว่าสหรัฐถอยออกมาอย่างชัดเจนจากจุดยืนเดิมที่เคยปกป้องอิสราเอลในการลงมติของยูเอ็นเอสซีมาโดยตลอด และจะส่งผลเสียต่อความพยายามในการทำสงครามของอิสราเอล
อารอน เดวิด มิลเลอร์ อดีตผู้เจรจาตะวันออกกลางให้แก่รัฐบาลรีพับลิกันและเดโมแครตของสหรัฐตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลไบเดนและรัฐบาลเนทันยาฮูอาจไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันแล้ว หากไม่จัดการเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง ความสัมพันธ์จะมีแต่แย่ลง ประธานาธิบดีไบเดนซึ่งจะลงเลือกตั้งอีกสมัยในเดือนพฤศจิกายนเผชิญแรงกดดันทั้งจากประเทศพันธมิตรและพรรคเดโมแครตให้หยุดยั้งปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในกาซา ขณะที่นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูถูกกลุ่มขวาจัดในรัฐบาลผสมกดดันให้แข็งกร้าวกับปาเลสไตน์ ขณะเดียวกันก็ถูกประชาชนประท้วงเรียกร้องให้ลาออก.-814.-สำนักข่าวไทย