ปารีส 22 ก.พ.- ดาวเทียมสำรวจโลกจากระยะไกล (ERS-2) ขององค์การอวกาศยุโรป ซึ่งถือเป็นดาวเทียมยุคบุกเบิกที่ใช้เทคโนโลยีอันสมัยในการสำรวจโลก ตกลงสู่ชั้นบรรยากาศโลกแล้ว โดยเผาไหม้เหนือมหาสมุทรแปซิฟิก
ดาวเทียมดวงนี้มีน้ำหนักรวม 2.5 ตัน ตกผ่านชั้นบรรยากาศโลกและเผาไหม้เหนือมหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อช่วงหลังเที่ยงคืนที่ผ่านมาตามเวลาไทย จุดที่คาดว่าจะตกลงสู่มหาสมุทรอยู่ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก ระหว่างรัฐอะแลสกากับรัฐฮาวายของสหรัฐ ห่างจากชายฝั่งรัฐแคลิฟอร์เนียไปทางตะวันตกราว 2,000 กิโลเมตร ทำให้คาดว่าน่าจะไม่มีผู้ใดได้พบเห็นวินาทีที่เศษซากดาวเทียมเผาไหม้ขณะร่วงจากอวกาศสู่ชั้นบรรยากาศและกระแทกพื้นมหาสมุทร และไม่น่าจะสามารถเก็บกู้ซากที่เหลือของดาวเทียมได้
ก่อนหน้านี้ องค์การอวกาศยุโรปแถลงว่า ชิ้นส่วนของดาวเทียมน่าจะถูกเผาไหม้หมดไปเป็นส่วนใหญ่ในชั้นบรรยากาศโลก ส่วนประกอบบางชิ้นของดาวเทียมที่อาจทนทานต่อความร้อนสูงที่เผาไหม้อาจพุ่งผ่านชั้นบรรยากาศโลกด้วยความเร็วสูง แต่มีความเสี่ยงต่ำมาก ที่ชิ้นส่วนดังกล่าวจะตกลงในพื้นที่ซึ่งมีประชากรหนาแน่นและสร้างความเสียหายขึ้น และน่าจะตกลงบนมหาสมุทร เนื่องจากพื้นผิวโลกถูกปกคลุมด้วยห้วงน้ำเป็นส่วนใหญ่
ดาวเทียม ERS-2 เป็นดาวเทียมยุคแรกๆ ถูกปล่อยขึ้นสู่วงโคจรตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นตระกูลของบรรดาดาวเทียมที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย สำรวจและสังเกตการณ์สิ่งแวดล้อมโลกอยู่ในปัจจุบัน ดาวเทียมได้ลดระดับของวงโคจรให้ต่ำลงเรื่อยมา ตั้งแต่สิ้นสุดการปฏิบัติภารกิจในปี 2554 ก่อนตกสู่โลกในวันนี้ ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ดาวเทียม ERS-2 ถือเป็นดาวเทียมสังเกตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อนและล้ำสมัยที่สุดในยุคนั้น เนื่องจากติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้สำรวจข้อมูลความเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างครอบคลุม ทั้งภาคพื้นดิน มหาสมุทร และชั้นบรรยากาศ จนได้รับฉายาว่า “คุณปู่ของภารกิจสังเกตการณ์โลกแห่งยุโรป”.-815(814).-สำนักข่าวไทย