ลอนดอน 20 ก.ค.- โครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอดส์) เผยว่า การต่อสู้กับโรคเอดส์กำลังคืบหน้า ตัวเลขผู้เสียชีวิตลดลงเกือบครึ่งตั้งแต่ปี 2548 ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ได้รับยาต้านไวรัสมีเกินครึ่งแล้ว
ยูเอ็นเอดส์ออกรายงานล่าสุดในวันนี้ว่า ทั่วโลกมีการตรวจหาเชื้อไอวี ให้การรักษาและดำเนินโครงการป้องกันอย่างกว้างขวางมากขึ้น ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตลดลงจาก 1.9 ล้านคนในปี 2548 เหลือ 1 ล้านคนเมื่อปีก่อน และมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้รับยาต้านไวรัส 19.5 ล้านคนจากทั้งหมด 36.7 ล้านคน หลังจากโรคนี้คร่าชีวิตคนทั่วโลกไปแล้วราว 35 ล้านคนตั้งแต่อุบัติขึ้นในช่วงคริสต์ทศวรรษหลังปี 1980 หากความคืบหน้ายังดำเนินต่อไปเช่นนี้โลกจะสามารถบรรลุเป้าหมายเรื่องให้ผู้ติดเชื้อได้รับยาต้าน 30 ล้านคนภายในปี 2563
รายงานระบุว่า มีสัญญาณที่น่าดีใจในแอฟริกา ภูมิภาคที่เอดส์ระบาดหนัก โดยเฉพาะทางตะวันออกและทางใต้ที่มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ลดลงเกือบร้อยละ 30 ตั้งแต่ปี 2553 และผู้ติดเชื้อมีอายุขัยเพิ่มขึ้นเกือบ 10 ปี ชุมชนและครอบครัวมีส่วนสำคัญอย่างมากในการต่อสู้กับเอดส์ เมื่อการระบาดสามารถควบคุมได้ ประชาชนก็แข็งแรงขึ้น ประเทศเข้มแข็งขึ้น อย่างไรก็ดี ยังมีหลายภูมิภาคนี้ที่สถานการณ์แย่ลง ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ยุโรปตะวันออกและเอเชียกลางมีผู้ป่วยเอดส์เสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 48 และ 38 ตามลำดับ สาเหตุหลักเพราะผู้ติดเชื้อเอชไอวีไม่ได้รับยาต้านไวรัส.- สำนักข่าวไทย