ดูไบ 13 ธ.ค. – ผู้แทนจากเกือบ 200 ประเทศทั่วโลกเห็นพ้องในระหว่างการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 28 หรือ คอป 28 (COP28) ที่นครดูไบ ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในวันนี้ ให้เริ่มต้นการลดการใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิลเพื่อหลีกเลี่ยงสภาพเลวร้ายที่สุดที่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการบรรลุข้อตกลงที่จะนำไปสู่การสิ้นสุดดของยุคการใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง
ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากใช้เวลาในการเจรจาต่อรองอย่างหนักมาเป็นเวลา 13 วัน ซึ่งข้อตกลงฉบับประวัติศาสตร์นี้จะเป็นการส่งสัญญาณที่มีพลังไปยังนักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายของประเทศต่าง ๆว่า โลกได้มีความเป็นเอกภาพหนึ่งเดียวในความต้องการหยุดใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิล ซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า เป็นความหวังสุดท้ายที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงภัยหายนะจากสภาพภูมิอากาศ
สุลต่านอัล จาเบอร์ ประธานคอป 28 กล่าวว่า ข้อตกลงนี้ถือเป็นข้อตกลงประวัติศาสตร์แต่จะประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงหรือไม่จะเป็นเรื่องของการนำไปปฎิบัติจริง ทุกคนจะต้องดำเนินการที่จำเป็นในการทำให้ข้อตกลงนี้ไปปฎิบัติแบบที่สามารถจับต้องได้
ในระหว่างการประชุมครั้งนี้ มีมากกว่า 100 ประเทศที่พยายามผลักดันให้มีการใช้ภาษาที่หนักแน่นในข้อตกลงว่า ให้ค่อย ๆ ยุติการใช้น้ำมัน แก๊สและถ่านหิน แต่ถูกคัดค้านจากกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันเป็นสินค้าออก หรือ โอเปก ที่มีซาอุดีอาระเบียเป็นแกนนำที่แย้งว่า โลกสามารถลดการปล่อยแก๊สที่ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกได้โดยไม่ต้องหยุดใช้เชื้อเพลิงที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งข้อขัดแย้งเรื่องถ้อยคำและภาษาในข้อตกลงทำให้การประชุมต่อต้อเวลาออกไปอีก 1 วันเต็มจนสามารถบรรลุข้อตกลงได้ในวันนี้
ภายใต้ช้อตกลงนี้ มีเนื้อหาที่เรียกร้องเป็นการเฉพาะเจาะจงในการเปลี่ยนผ่านจากการใช้เฃื้อเพลิงฟอสซิลในระบบพลังงานอย่างสมเหตุสมผล เป็นระเบียบและเที่ยงธรรม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2050 ซึ่งสอดคล้องกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ นอกจากนั้นยังเรียกร้องให้เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนเป็น 3 เท่าภายในปี 2030 เร่งควมพยายามลดการใช้ถ่านหินและเร่งพัฒนาเทคโนโลยี เช่นการจับและกักเก็บคาร์บอน.-813.-สำนักข่าวไทย