ปารีส 18 ก.ค.- ผลการศึกษาประเทศทรงอำนาจโดยไม่ใช้กำลังบังคับ หรือซอฟท์พาวเวอร์พบว่า ประธานาธิบดีเอมานูว์เอล มาครง ที่ขึ้นบริหารประเทศเมื่อเดือนพฤษภาคมมีส่วนช่วยให้ฝรั่งเศสแซงหน้าสหรัฐขึ้นเป็นซอฟท์พาวเวอร์อันดับหนึ่งของโลก
บริษัทประชาสัมพันธ์พอร์ตแลนด์ คอมมูนิเคชันและมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนียนำผลสำรวจและข้อมูลดิจิทัลมาวัดซอฟท์พาวเวอร์ของประเทศนั้น ๆ มาจัดทำรายงาน Soft Power 30 โดยพิจารณาในหลายปัจจัย เช่น ความสามารถในการดึงดูดนักศึกษาต่างชาติและนักท่องเที่ยว อิทธิพลทางวัฒนธรรม พบว่า ฝรั่งเศสกระโดดจากอันดับห้าภายใต้การนำของประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โอลลองด์เมื่อปีก่อน ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในปีนี้ภายใต้การนำของประธานาธิบดีมาครงวัย 39 ปี นอกจากนี้ยังเป็นผลจากการที่ฝรั่งเศสมีบทบาททางการทูตอย่างกว้างขวาง เป็นสมาชิกองค์กรสากลมากมาย ยิ่งประธานาธิบดีมาครงเป็นผู้สนับสนุนความร่วมมือและการบูรณาการ ยิ่งจะทำให้อิทธิพลของฝรั่งเศสเติบโตมากขึ้น ขณะเดียวกันฝรั่งเศสยังคงเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของโลกแม้เกิดเหตุก่อการร้ายหลายครั้งตั้งแต่ปี 2558 สะท้อนว่า ผู้คนยังคงหลงใหลในวัฒนธรรม อาหารและวิถีชีวิตของฝรั่งเศส
ประเทศซอฟท์พาวเวอร์อันดับถัดไปได้แก่ สหราชอาณาจักร สหรัฐ เยอรมนี แคนาดา ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรเลีย รายงานเตือนว่า สหราชอาณาจักรซึ่งอยู่อันดับสองเมื่อปีก่อนและอันดับหนึ่งเมื่อปี 2558 คงยากจะกลับมาเป็นซอฟท์พาวเวอร์อันดับหนึ่งหลังเบร็กซิท ส่วนสหรัฐที่อยู่อันดับหนึ่งเมื่อปีก่อนและอันดับสามเมื่อปี 2558 มีซอฟท์พาวเวอร์ลดลงเพราะนโยบายอเมริกามาก่อนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์.-สำนักข่าวไทย