ลาส เวกัส 29 ต.ค.- โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐรับปากต่อที่ประชุมชาวยิวพรรครีพับลิกันว่า จะนำคำสั่งห้ามชาวมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐกลับมาใช้ หากได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง
ทรัมป์ วัย 77 ปี กล่าวต่อที่ประชุมสุดยอดประจำปีของพันธมิตรชาวยิวพรรครีพับลิกัน (Republican Jewish Coalition) ที่ลาส เวกัส รัฐเนวาดาเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า เขาจะสกัดผู้ก่อการร้ายเคร่งศาสนาอิสลามไม่ให้เข้าสหรัฐ ด้วยการนำคำสั่งห้ามเข้าประเทศกลับมาใช้อีกครั้ง ทรัมป์ประกาศใช้คำสั่งดังกล่าวอย่างครอบคลุมกับผู้เดินทางมาจากอิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซีเรีย เยเมน อิรัก และซูดาน ตั้งแต่รับตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2560 แม้ว่ามีคนฟ้องศาลว่าเป็นการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มผู้นับถือศาสนา แต่นโยบายนี้ได้รับความนิยมจากฐานเสียงของเขา ต่อมาโจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครตสั่งยกเลิกคำสั่งนี้เมื่อรับตำแหน่งในปี 2564
เวทีนี้เป็นการประชุมของผู้บริจาคชาวยิวที่ทรงอิทธิพลในสหรัฐ นอกจากทรัมป์แล้ว ยังมีผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งปี 2567 ขึ้นเวทีอีกหลายคน เช่น นายโรนัลด์ หรือ รอน เดอแซนทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา วัย 45 ปี ที่กล่าวว่า เหตุกลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมเป็นเหตุโจมตีชาวยิวร้ายแรงที่สุดนับจากเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวหรือโฮโลคอสต์ สว.ทิม สกอตต์ รัฐเซาท์แคโรไลนา วัย 58 ปี ที่กล่าวว่า ต้องมีเคมีบำบัดทางวัฒนธรรมในการต่อสู้กับมะเร็งร้ายอย่างกระแสต่อต้านชาวยิว สส.สตีฟ สคาลีส ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร วัย 58 ปี ที่เผยว่าสัปดาห์หน้าจะยื่นญัตติประณามการต่อต้านชาวยิวที่เกิดขึ้นตามวิทยาลัยทั่วประเทศ และนางนิกกี เฮลีย์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ วัย 52 ปี ที่ประกาศว่า จะแก้ไขนิยามคำว่าต่อต้านชาวยิวให้ครอบคลุมถึงการไม่ยอมรับสิทธิการดำรงอยู่ของอิสราเอลด้วย.-สำนักข่าวไทย