ปักกิ่ง 27 มิ.ย. – นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีนกล่าวว่า รัฐบาลสามารถควบคุมปัจจัยเสี่ยงด้านการเงิน โดยเฉพาะเรื่องหนี้ที่พุ่งสูงขึ้นได้ รวมถึงเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัวได้ตามเป้าหมาย
จีนเผชิญภาวะหนี้พุ่งสูง นับแต่มีการอัดฉีดเงินกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจเมื่อปี 2551 ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้นอกภาครัฐต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ของประเทศเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 170 เมื่อปี 2550 เป็นร้อยละ 260 เมื่อปีที่แล้ว นับเป็นระดับที่สูงผิดปกติ และเป็นสัญญาณเตือนว่า มีโอกาสเกิดวิกฤตทางการเงิน หรือส่งผลให้การเติบโตของเศรษฐกิจชะลอตัวลงได้
บรรดานักวิเคราะห์ชี้ว่า ปัญหาหนี้พุ่งสูงกำลังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ทำให้เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัท มูดีส์ ปรับลดความน่าเชื่อถือของจีน ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ขอจีนให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีหลี่กล่าวระหว่างการเข้าร่วมประชุมเศรษฐกิจโลกที่เมืองต้าเหลียนว่า รัฐบาลจีนมีความสามารถพอที่จะควบคุมและจัดการความเสี่ยงทางการเงินผ่านมาตรการต่างๆ และว่า เศรษฐกิจจีนจะยังคงสามารถพัฒนาได้ตามเป้าหมาย โดยรัฐบาลจะเปิดให้บรรดาผู้ประกอบการเข้ามาร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้น ไอเอ็มเอฟคาดว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวร้อยละ 6.7 ในปีนี้ ชะลอลงจากร้อยละ 6.9 เมื่อปีที่แล้ว
นายกรัฐมนตรีหลี่กล่าวอีกว่า นอกจากเรื่องดังกล่าวแล้ว จีนจะให้ความสำคัญกับการค้าเสรี ที่จะทำให้ทุกฝ่ายได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงให้คำมั่นว่า จะร่วมสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศด้วย.- สำนักข่าวไทย