นิวยอร์ก 16 ก.ค.- อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันเผยว่า ทวิตเตอร์ที่เขาซื้อกิจการในราคา 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.52 ล้านล้านบาท) เมื่อเดือนตุลาคม 2565 มีรายได้จากโฆษณาลดลงไปครึ่งหนึ่ง
มัสก์โพสต์ตอบผู้ใช้งานทวิตเตอร์คนหนึ่งที่แสดงความเห็นเรื่องฐานะการเงินของแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์แห่งนี้ว่า ทวิตเตอร์ยังคงมีกระแสเงินสดติดลบ เนื่องจากรายได้จากโฆษณาลดลงครึ่งหนึ่ง บวกกับมีภาระหนี้สินหนัก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำให้กระแสเงินสดเป็นบวกก่อน จึงจะสามารถเริ่มทำสิ่งอื่นได้ ข่าวกรองวงในเผยว่า ทวิตเตอร์จะมีรายได้ไม่ถึง 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ไม่ถึง 103,854 ล้านบาท) ในปี 2566 ลดลง 1 ใน 3 จากปี 2565
มัสก์ได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ตั้งแต่เป็นเจ้าของทวิตเตอร์ ทำให้ผู้ใช้งานถูกจำกัดและผู้ลงโฆษณาไม่พอใจ ล่าสุดเมื่อต้นเดือนนี้เขาประกาศว่า บัญชีที่ได้รับการรับรองจะอ่านทวีตได้วันละ 10,000 โพสต์ บัญชีที่ไม่ได้รับการรับรอง ซึ่งเป็นบัญชีไม่เสียเงินที่เป็นผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะอ่านทวีตได้วันละ 1,000 โพสต์ และบัญชีเปิดใหม่ที่ไม่ได้รับการรับรองจะอ่านทวีตได้วันละ 500 โพสต์ ต่อมาทวิตเตอร์แจ้งว่า ทวีตเด็ค (TweetDeck) แอปพลิเคชันที่ให้ผู้ใช้งานติดตามบัญชีทวิตเตอร์หลายบัญชีได้ในคราวเดียวซึ่งเป็นแอปฯ อิสระที่ถูกทวิตเตอร์ซื้อไปในปี 2554 จะให้บริการเฉพาะบัญชีที่ได้รับการรับรองตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป ขณะเดียวกันเมตา (Meta) บริษัทแม่ของเฟซบุ๊กได้เปิดตัวเธรดส์ (Threads) เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมตามเวลาสหรัฐ เป็นแพลตฟอร์มคล้ายกับทวิตเตอร์ ทำให้มัสก์ขู่ว่าจะฟ้องเมตาในข้อหาขโมยความลับทางการค้าและทรัพย์สินทางปัญญา.-สำนักข่าวไทย