กัวลาลัมเปอร์ 16 มิ.ย. – องค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น เตือนว่า การที่รัฐบาลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ออกมาตรการห้ามผู้หญิงเดินทางไปทำงานเป็นแม่บ้านในต่างประเทศ ทำให้พลเมืองสุ่มเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์เพิ่มมากขึ้น
ผู้หญิงเอเชียจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ครอบครัวมีฐานะยากจน ตัดสินใจเดินทางไปทำงานรับใช้ตามบ้านในต่างประเทศเพื่อหารายได้เพิ่ม โดยคิดเป็นเกือบครึ่งของจำนวนผู้รับจ้างทั้งหมด 53 ล้านคนทั่วโลก แต่คดีทำร้ายร่างกายและข่มขืนคนรับใช้ทำให้หลายประเทศ อาทิ อินโดนีเซีย เมียนมาร์ และกัมพูชา ออกมาประกาศห้ามไม่ให้บรรดาหญิงสาวเดินทางไปทำงานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) และองค์การสตรีแห่งสหประชาชาติเผยแพร่ผลศึกษาพบว่า มาตรการดังกล่าวส่งผลให้บรรดาผู้หญิงที่ต้องการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ มีโอกาสตกเป็นเหยื่อของแก๊งค้ามนุษย์เพิ่มมากขึ้น โดยหลังจากที่กัมพูชาออกคำสั่งห้ามเมื่อปี 2554 และเมียนมาร์ประกาศห้ามเมื่อปี 2557 ก็ส่งผลให้มีจำนวนผู้ลักลอบนำแรงงานออกนอกประเทศเพิ่มมากขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญจากไอแอลโอกล่าวว่า ถึงแม้ว่าจะมีการห้ามและไม่มีการออกเอกสารรับรองให้ แต่สุดท้าย บรรดาหญิงสาวเหล่านั้นก็แสวงหาวิธีเดินทางเข้าประเทศไปทำงานได้อยู่ดี ขณะที่ยูเอ็นระบุว่า การปราศจากช่องทางอนุญาตให้เดินทางไปทำงานในต่างประเทศได้ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้ผู้หญิงเสี่ยงมากขึ้น รวมถึงจะไม่กล้าขอความช่วยเหลือ หากมีอันตรายเกิดขึ้นกับตัว.- สำนักข่าวไทย