สหประชาชาติ 12 มิ.ย. – รายงานของสหประชาชาติที่เผยแพร่ในวันนี้ว่า การติดตามข้อมูลเรื่องอคติที่มีต่อสตรีปรากฏว่าไม่มีความก้าวหน้าใดๆ ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ความรู้สึกอคติฝังรากลึกในสังคม แม้ว่าจะมีความพยายามรณรงค์ในเรื่องการปกป้องสิทธิของสตรี เช่น “มีทู” (MeToo) ก็ตาม
โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นดีพี กล่าวในรายงานว่า ความรู้สึกอคติขยายวงกว้างทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แสดงให้เห็นว่าความอคติเหล่านี้หยั่งรากฝังลึกและมีอิทธิพลต่อทั้งผู้หญิงและผู้ชายในระดับที่ใกล้เคียงกัน
ยูเอ็นดีพีได้ปรับปรุงดัชนีเพศสภาพสังคม (Gender Social Norms Index) หรือจีเอสเอ็นไอ ซึ่งพิจารณาจากตัววัดทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา และกายภาพ โดยใช้ข้อมูลจากการสำรวจค่านิยมโลก (World Values Survey) เป็นโครงการวิจัยระหว่างประเทศที่สำรวจค่านิยมและความเชื่อของผู้คนทั่วโลกว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร โดยดัชนีที่ได้แสดงให้เห็นว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นในเรื่องของความรู้สึกอคติที่มีต่อสตรีในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีการรณรงค์อย่างแรงกล้าในระดับโลกและระดับท่องถิ่น เพื่อสิทธิของสตรี อย่างเช่น “มีทู”
ยกตัวอย่างเช่น ร้อยละ 69 ของประชากรโลก ยังคงเชื่อว่าผู้ชายเป็นผู้นำทางการเมืองได้ดีกว่าผู้หญิง และมีเพียงร้อยละ 27 ที่เชื่อว่ามีความจำเป็นสำหรับประชาธิปไตยหากสตรีมีสิทธิเท่าเทียมกับบุรุษ นอกจากนั้นร้อยละ 46 เชื่อว่าผู้ชายมสิทธิมากกว่าในการทำงาน และร้อยละ 43 เชื่อว่าผู้ชายเป็นผู้นำทางธุรกิจที่ดีกว่า ประชากร 1 ใน 4 เชื่อว่าเป็นเรื่องถูกต้องที่ผู้ชายจะทุบตีภรรยา และร้อยละ 28 เชื่อว่ามหาวิทยาลัยสำคัญต่อผู้ชายมากกว่า
รายงานของยูเอ็นดีพี กล่าวว่า อคติเป็นอุปสรรคของสตรีและทำลายสิทธิของสตรีในหลายพื้นที่ในโลก หากไม่มีการแก้ไขในเรื่องความอคติในสตรีแล้วก็จะไม่มีวันบรรลุเป้าหมายความเท่าเทียมทางเพศ หรือเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติได้.-สำนักข่าวไทย