โรม 20 พ.ค.- นักวิจัยชี้ว่า อุทกภัยครั้งใหญ่ในรอบศตวรรษที่แคว้นเอมีเลีย-โรมัญญา ทางตอนเหนือของอิตาลีซึ่งคร่าชีวิตคนไปแล้ว 14 คน เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งชี้ว่าวิกฤตสภาพภูมิอากาศกำลังรุนแรงขึ้น
นักวิจัยของสถาบันวิจัยเพื่อการปกป้องทางธรณีอุทกของอิตาลีแถลงข่าวเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้ภัยแล้งทวีความรุนแรงเพราะทำให้ดินยิ่งแห้งและแน่นขึ้น ทำให้น้ำซึมผ่านได้น้อยลง ดังนั้นเมื่อมีฝนตกหนักในช่วงเวลาสั้น ๆ ดินจึงไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ได้ น้ำส่วนเกินจึงไหลลงสู่แม่น้ำจนน้ำล้นตลิ่ง สำนักงานป้องกันภัยพลเรือนอิตาลีแจ้งเมื่อวันพฤหัสบดีว่า แม่น้ำในแคว้นเอมีเลีย-โรมัญญามีน้ำล้นตลิ่งมากกว่า 20 สาย ส่งผลให้เกิดดินถล่มตามมาเป็นระลอกถึง 280 แห่ง ประชาชนมากถึง 20,000 คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน และไม่มีไฟฟ้าใช้ 27,000 คน ขณะที่สมาคมการเกษตรแห่งหนึ่งเผยว่า มีไร่นามากกว่า 5,000 แห่งจมน้ำ รวมถึงพื้นที่ที่เป็นแหล่งปลูกผลไม้ ข้าวโพดและธัญพืช และมีรายงานปศุสัตว์จมน้ำตาย
นักสิ่งแวดล้อมบางคนตำหนิรัฐบาลอิตาลีว่า ขาดการเตรียมพร้อม ทั้งที่วิกฤตสภาพภูมิอากาศมีผลกระทบต่อชีวิตผู้คน สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ อิตาลีมีสภาพภูมิประเทศที่เสี่ยงภัยอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่จะทำให้สภาพอากาศเลวร้ายมีความรุนแรงขึ้นและเกิดถี่ขึ้น โดยเสี่ยงเกิดดินถล่มและเสี่ยงได้รับผลกระทบจากพายุรุนแรงเนื่องจากล้อมรอบด้วยทะเลเมดิเตอร์เรเนียน.-สำนักข่าวไทย