เจนีวา 19 พ.ค. – สหประชาชาติกล่าววันนี้ว่า ประชาชนอย่างน้อย 800,000 คน ในเมียนมา ต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉินด้านอาหารและความช่วยเหลืออื่นๆ หลังจากพายุไซโคลน “โมคา” พัดกระหน่ำสร้างความเสียหายให้กับรัฐยะไข่ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
แอนเธีย เว็บบ์ รองผู้อำนวยการขององค์การอาหารโลกของสหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ว่า ไซโคลน “โมคา” ทำให้เกิดความเสียหายทั่วรัฐยะไข่ บ้านเรือนพังทั้งหลัง ถนนถูกตัดขาดเนื่องจากต้นใหม่ใหญ่ล้มปิดกั้นเส้นทาง โรงพยาบาล และโรงเรียนถูกทำลายเสียหาย เธอระบุว่าประชาชนอย่างน้อย 800,000 คน ต้องการความช่วยเหลือด้านอาหารเป็นการเร่งด่วน
ก่อนหน้านี้คณะโฆษกรัฐบาลทหารเมียนมากล่าวในแถลงการณ์ว่า มีผู้เสียชีวิตจากไซโคลนลูกนี้จำนวน 145 ราย โดยเป็นทหาร 4 ราย ชาวบ้าน 24 ราย และชาว “เบงกาลี” 117 ราย ชาวเบงกาลีเป็นคำที่ทางการเมียนมาใช้เรียกชาวมุสลิมโรฮีนจา ซึ่งอาศัยในรัฐยะไข่ แถลงการณ์ยังระบุว่า รายงานของสื่อมวลชนที่ว่า ชาวโรฮีนจาเสียชีวิต 400 ราย เป็นเรื่องไม่จริง และระบุว่าจะดำเนินการกับสื่อที่รายงานตัวเลขดังกล่าว
สื่อของทางการเมียนมาระบุว่า เรือของกองทัพเรนือและกองทัพอากาศได้จัดส่งข้าวสารไปยังพื้นที่ประสบภัย ในขณะที่เจ้าหน้าที่ไฟฟ้า เจ้าหน้าที่ดับเพลิง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายพันคน ได้ลงไปในพ้นที่แล้ว เที่ยวบินต่างๆ ให้บริการตามปกติแล้วที่สนามบินชิตตเว เมืองเอกของรัฐยะไข่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากหน่วยงานนานาชาติบางแห่ง รวมถึงองค์การอาหารโลก เริ่มลงพื้นที่แล้วเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย