เอล ปาโซ 13 พ.ค.- สถานการณ์บริเวณพรมแดนสหรัฐ-เม็กซิโกยังคงสงบเรียบร้อยเมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากระเบียบการขอลี้ภัยแบบใหม่ที่มีความเข้มงวดเริ่มมีผลบังคับใช้
นายอเลฮันโดร มายอร์กาส รัฐมนตรีความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐกล่าวว่า มีคนมารอที่พรมแดนทางใต้ในฝั่งเม็กซิโกจำนวนมากตามที่คาดหมายและเตรียมการไว้ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบคัดกรองผู้ขอลี้ภัย หากไม่เข้าเกณฑ์ก็จะนำตัวออกจากพรมแดนโดยทันที เขาเชื่อว่า ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการดำเนินการตามแผน แต่จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ระเบียบปฏิบัติที่พรมแดนสหรัฐ-เม็กซิโกมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อมาตรา 42 ที่อนุญาตให้ขับไล่ผู้เข้าเมืองที่มาจากประเทศที่มีโรคระบาดสิ้นสุดการบังคับใช้เมื่อเที่ยงคืนวันพฤหัสบดีเข้าสู่เช้าวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากใช้มานาน 3 ปี ระเบียบใหม่จะลงโทษผู้ลอบเข้าเมืองด้วยการห้ามเข้าสหรัฐเป็นเวลา 5 ปี และอาจถูกตั้งข้อหาอาญา และกำหนดให้ผู้ขอลี้ภัยต้องยื่นคำขอจากนอกสหรัฐ กลุ่มสิทธิมนุษยชนและฝ่ายซ้ายตำหนิว่า ระเบียบเข้มงวดนี้ทำให้ผู้ขอลี้ภัยตกค้างอยู่ทางตอนเหนือของเม็กซิโก และเสี่ยงตกเป็นเหยื่อแก๊งอาชญากรรม ขณะที่ฝ่ายขวาตำหนิว่า รัฐบาลโจ ไบเดนกำลังเปิดพรมแดนประเทศ
เจ้าหน้าที่พรมแดนเผยว่า มีคนรอเข้าสหรัฐมากถึงวันละ 10,000 คนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายคนมอบตัวกับหน่วยงานศุลกากรและการป้องกันชายแดนสหรัฐหรือซีบีพี (CBP) ด้วยหวังว่าเจ้าหน้าที่จะขึ้นทะเบียนเพื่อทำทัณฑ์บน แล้วปล่อยให้เข้าเมือง ด้านสำนักงานเข้าเมืองแห่งชาติของเม็กซิโกสั่งการหน่วยงานในสังกัดงดการออกเอกสารอนุญาตให้คนเข้าเมืองเดินทางผ่านเม็กซิโกแล้ว เพื่อยับยั้งคลื่นคนเข้าเมืองที่หลั่งไหลเดินทางไปยังพรมแดนด้านสหรัฐ.-สำนักข่าวไทย