บราวน์สวิลล์ 11 พ.ค.- สหรัฐเสริมกำลังพลจำนวนมากบริเวณพรมแดนด้านติดกับเม็กซิโก เตรียมรับมือกับคลื่นผู้ขอลี้ภัยที่จะทะลักเข้าสหรัฐ เมื่อมาตรการจำกัดช่วงโรคโควิด-19 ระบาดจะสิ้นสุดลงในคืนวันพฤหัสบดีเข้าสู่เข้าวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ
นายอเลฮันโดร มายอร์กาส รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐกล่าวว่า รัฐบาลตระหนักดีถึงความท้าทายของการยุติการใช้มาตรา 42 ที่ให้อำนาจทางการขับไล่บุคคลที่เคยอยู่ในประเทศที่มีโรคติดต่อ โดยได้เตรียมการรับมือมาเกือบ 2 ปี แต่ก็คาดว่าจะมีคนเข้าเมืองจำนวนมากที่พรมแดนทางใต้ในช่วงหลายวันและหลายสัปดาห์หลังวันที่ 11 พฤษภาคม ขณะนี้มีตำรวจพรมแดน 24,000 นาย และเจ้าหน้าที่ดำเนินการคำขอลี้ภัย 1,100 คนเตรียมพร้อมทำงานแล้ว เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 2 เท่า ขณะที่กระทรวงกลาโหมได้ส่งทหารอีก 1,500 นายไปสมทบทหาร 2,500 นายที่ประจำการบริเวณพรมแดนด้านเม็กซิโกอยู่แล้ว
ประเด็นคนเข้าเมืองกลายเป็นเรื่องร้อนแรงทางการเมืองระหว่างพรรคเดโมแครตของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และพรรครีพับลิกันที่ใช้มาตรา 42 สกัดคนเข้าเมืองเมื่อ 3 ปีก่อนตั้งแต่สมัยรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว) พรรครีพับลิกันกลุ่มหนึ่งกล่าวหารัฐบาลไบเดนว่าล่าช้า ไม่ตระหนักว่าวิกฤตพรมแดนจะส่งผลร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศ ทั้งที่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีคนเข้าเมืองเพิ่มขึ้นจำนวนมาก หลังจากยุติการใช้มาตรการจำกัด ขณะที่รัฐบาลไบเดนโต้ว่า ได้ขับไล่คนเข้าเมืองมากเป็นประวัติการณ์ตามที่ได้มีความร่วมมือกับหลายประเทศ โดยได้ขับไล่ไปมากกว่า 3 ล้านคนในช่วง 2 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา และได้ใช้วิธีการที่มีมนุษยธรรม ไม่พรากเด็กจากพ่อแม่เหมือนสมัยรัฐบาลทรัมป์.-สำนักข่าวไทย