ปารีส 2 มิ.ย.- นักวิเคราะห์มองว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงปารีสอาจเป็นผลดีต่อการเดินหน้าข้อตกลง เพราะสหรัฐจะไม่สามารถมีอิทธิพลต่อกระบวนการลดโลกร้อนอีกต่อไป
ลุค เคมป์ นักวิชาการมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียมองว่า หากสหรัฐร่วมอยู่ในข้อตกลงอาจสร้างความเสียหายมากกว่า เพราะจะเป็นเพียงการร่วมในเชิงสัญลักษณ์โดยไม่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง เช่นเดียวกับโมฮาเหม็ด อาโดว์ จากกลุ่มคริสเตียนเอดที่เป็นตัวแทนปกป้องผลประโยชน์ของประเทศยากจนในการเจรจาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติที่มองว่า ข้อตกลงปารีสจะถูกเตะถ่วงหากสหรัฐยังร่วมอยู่ด้วย
บรรดานักสังเกตยินดีที่ข้อตกลงปารีสได้บทสรุปเสียที หลังจากเกิดความไม่แน่นอนตั้งแต่ถูกทรัมป์ประณามระหว่างหาเสียงเลือกตั้งปีก่อน และเตือนว่าสหรัฐจะได้รับผลกระทบหนักที่สุดทั้งด้านเศรษฐกิจและการทูต เพราะการเจรจาข้อตกลงนี้ถือกำเนิดขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจเมื่อศตวรรษก่อน การถอนตัวจึงเท่ากับทำให้สหรัฐถอยหลังกลับไปยังภาวะเศรษฐกิจในเวลานั้น มีข้อมูลว่าปีที่แล้วภาคพลังงานทดแทนในสหรัฐมีการจ้างงาน 800,000 ตำแหน่ง มากกว่าภาคน้ำมันจากฟอสซิลเกือบ 5 เท่า ขณะเดียวกันสหรัฐจะสูญเสียบทบาทการเป็นผู้นำโลกหากจีนและสหภาพยุโรปเข้ามาเป็นแกนนำในเรื่องนี้
ข้อตกลงปารีสกำหนดระเบียบไว้ว่า ประเทศที่ต้องการถอนตัวจะแจ้งความประสงค์ได้หลังจากข้อตกลงบังคับใช้แล้ว 3 ปี ซึ่งหมายถึงเดือนพฤศจิกายน 2562 และจะมีผลในอีกหนึ่งปีถัดไป เวลานั้นทรัมป์จะเหลือเวลาดำรงตำหน่งประธานาธิบดีสมัยแรกเพียง 2 เดือนก่อนครบวาระในเดือนมกราคม 2564.- สำนักข่าวไทย