ซิวดัดฮัวเรซ 29 มี.ค.- หลายฝ่ายเรียกร้องความเป็นธรรม หลังเกิดเหตุไฟไหม้ศูนย์กักกันผู้อพยพในเม็กซิโกที่อยู่ใกล้พรมแดนสหรัฐ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตแล้ว 40 คน คาดว่าต้นเพลิงมาจากผู้อพยพที่ต่อต้านการถูกเนรเทศกลับประเทศ
เหตุเกิดเมื่อคืนวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นที่ศูนย์กักกันของสถาบันการอพยพแห่งชาติในเมืองซิวดัดฮัวเรซ รัฐชิวาวา ทางเหนือของเม็กซิโกที่มีพรมแดนติดกับรัฐเทกซัสของสหรัฐ ไฟไหม้รุนแรงจนต้องระดมนักดับเพลิงและรถพยาบาลจำนวนมาก ประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ของเม็กซิโกเผยว่า คาดว่าผู้อพยพจุดไฟเพื่อประท้วงเพราะกลัวว่าจะถูกเนรเทศ พวกเขานำเสื่อมาไว้ที่ประตูศูนย์กักกันแล้วจุดไฟ โดยไม่คิดว่าจะนำมาซึ่งโศกนาฏกรรมที่น่าสลดใจ ด้านครอบครัวของผู้เสียชีวิตตั้งจุดไว้อาลัยชั่วคราว และเรียกร้องความเป็นธรรมว่า ผู้อพยพทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองเพราะไม่ใช่อาชญากร
นายอันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติหรือยูเอ็น เรียกร้องให้เปิดการสอบสวนเหตุไฟไหม้อย่างละเอียด ขณะที่ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยยูเอ็นแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และร้องขอให้ประเทศในภูมิภาคอเมริการับมือกับคลื่นผู้อพยพอย่างมีมนุษยธรรม เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพ ด้านองค์การนิรโทษกรรมสากลระบุว่า ไฟไหม้เป็นผลพวงจากการที่เม็กซิโกและสหรัฐใช้นโยบายที่เข้มงวดและโหดร้ายกับผู้อพยพ ภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหนีเอาตัวรอดจากศูนย์กักกันที่ไฟกำลังโหมไหม้ โดยปล่อยให้ผู้อพยพถูกขังไว้ข้างใน ศูนย์แห่งนี้กักกันผู้อพยพชายที่เป็นผู้ใหญ่จำนวน 68 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิตแล้ว 40 คน บาดเจ็บ 28 คน ประกอบด้วยผู้เดินทางมาจากกัวเตมาลา ฮอนดูรัส เวเนซุเอลา เอลซัลวาดอร์ โคลอมเบีย และเอกวาดอร์
แต่ละเดือนจะมีคนประมาณ 200,000 คนพยายามข้ามพรมแดนจากเม็กซิโกเข้าไปในสหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นผู้อพยพหนีความยากจนและความรุนแรงในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2557 มีผู้อพยพมากกว่า 7,600 คน เสียชีวิตหรือหายสาบสูญระหว่างเดินทางในภูมิภาคอเมริกา ในจำนวนนี้ 4,400 คนเสียชีวิตหรือหายสาบสูญบริเวณเส้นทางข้ามแดนเม็กซิโก-สหรัฐ.-สำนักข่าวไทย