แอตแลนตา 13 ก.พ.- ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงในสหรัฐชี้ว่า การพบวัตถุบินไม่สามารถระบุได้หรือยูเอฟโอ (UFO) เหนือน่านฟ้าสหรัฐที่ถูกสหรัฐยิงตกหลายชิ้นในช่วงเวลาไม่ถึงเดือน อาจเป็นปัญหาใหญ่กว่าที่คิด
นายปีเตอร์ เบอร์เกน นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงแห่งชาติของซีเอ็นเอ็น (CNN) และศาสตราจารย์ปฏิบัติที่มหาวิทยาลัยรัฐแอริโซนา เขียนบทความแสดงความเห็นในเว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น เมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า รายงานของสำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติที่เผยแพร่เมื่อเดือนมกราคม 2566 เรื่อง “ปรากฏการณ์ทางอากาศที่ไม่สามารถระบุได้” อาจช่วยให้ความกระจ่างมากขึ้น หลังจากกองทัพสหรัฐยิงบอลลูนสอดแนมของจีนตกในมหาสมุทรแอตแลนติก ทางตะวันออกของสหรัฐเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ตามเวลาสหรัฐ จากนั้นยิงวัตถุไม่ทราบประเภทตกอีก 3 ชิ้น โดยตกเหนือรัฐอะแลสกา ทางตะวันตกเฉียงเหนือสุดของทวีปอเมริกาเหนือเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ตกเหนือดินแดนยูคอน ทางตะวันตกสุดของแคนาดาเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ และตกเหนือทะเลสาบฮูรอนที่เป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างรัฐมิชิแกนของสหรัฐกับรัฐออนแทริโอของแคนาดาเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์
รายงานฉบับนี้ระบุว่า มีรายงานพบยูเอฟโอ 247 ครั้ง ในช่วงเดือนมีนาคม 2564-สิงหาคม 2565 ส่วนใหญ่เป็นการรายงานโดยบุคลากรของกองทัพเรือและกองทัพอากาศ เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าของปี 2547-2564 ที่มีรายงานพบทั้งหมด 144 ครั้ง สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะสังคมเริ่มยอมรับการรายงานพบยูเอฟโอมากขึ้น และกระทรวงกลาโหมได้ขอให้บุคลากรรายงานทันทีหากพบความผิดปกติเหนือน่านฟ้า โดยได้ตั้งสำนักงานแก้ปัญหาความไม่ปกติทั่วอาณาจักรขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2565 เพื่อตรวจสอบรายงานพบยูเอฟโอที่น่าเชื่อถือของกองทัพและหน่วยงานข่าวกรองสหรัฐ
รายงานระบุว่า ช่วงหลายทศวรรษมานี้มีรายงานพบยูเอฟโอที่น่าเชื่อถือมากกว่า 500 ครั้ง ในจำนวนนี้ 163 ครั้งเป็นบอลลูนหรือมีลักษณะคล้ายบอลลูน 26 ครั้งเป็นอากาศยานไร้คนขับ และ 171 ครั้งเป็นวัตถุไม่สามารถระบุได้ บางชิ้นมีลักษณะการบินที่ไม่เคยพบมาก่อน ทำให้ผู้เขียนบทความเสนอแนะว่า รัฐสภาควรเปิดการไต่สวนเพื่อหาความกระจ่างในเรื่องนี้ เนื่องจากประชาชนมีสิทธิที่จะทราบว่า เหตุใดวัตถุเหล่านี้จึงเข้ามาในน่านฟ้าของสหรัฐ โดยที่กระทรวงกลาโหมและหน่วยข่าวกรองไม่สามารถระบุประเภทได้.-สำนักข่าวไทย