ลอนดอน 10 ม.ค. – หนังสือบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รีเรื่อง “สแปร์” (Spare) ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “ตัวสำรอง” ออกวางจำหน่ายในสหราชอาณาจักรแล้วในวันนี้
ร้านหนังสือหลายแห่งในสหราชอาณาจักรเปิดให้บริการจนดึกเพื่อรอเวลาการเริ่มจำหน่ายอย่างหนังสือเล่มนี้อย่างเป็นทางการในเวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นหนังสือเกี่ยวกับพระราชวงศ์อังกฤษที่มีคนให้ความสนใจมากี่สุดนับตั้งแต่เจ้าหญิงไดอานา พระมารดาของเจ้าชายแฮรี่ ร่วมนายแอนดรูว์ มอร์ตัน ในการเขียนหนังสือ “ไดอานา เฮอร์ ทรู สตอรี” (Diana: Her True Story) ในปี 1992 ในระหว่างที่หนังสือเตรียมออกจำหน่ายเจ้าชายแฮรี่ทรงให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ 4 ครั้ง เพื่อโปรโมทหนังสือเล่มนี้ ในอังกฤษและสหรัฐ ซึ่งเป็นสถานที่พำนักในปัจจุบันของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน พระชายา ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์ เนื้อหาของหนังสือบันทึกความทรงจำเล่มนี้ ซึ่งมีนักเขียนนิรนามเป็นผู้เขียนจากคำบอกเล่าของเจ้าชายแฮรี่ จะมีการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ 16 ภาษาและทางหนังสือเสียงภาษาอังกฤษ แต่เนื้อหาบางส่วนถูกเปิดเผยมาก่อนหน้านี้เนื่องจากเกิดความผิดพลาดทำให้มีการวางจำหน่ายในประเทศสเปนล่วงหน้าก่อนวันขายจริง
ตามรายงานข่าวนั้น เรื่องราวในหนังสือประกอบไปด้วยคำกล่าวอ้างของเจ้าชายแฮรีที่ว่า พระองค์ถูกเจ้าชายวิลเลียม พระเชษฐาทำร้ายร่างกาย เรื่องที่พระองค์ยอมรับว่าเคยใช้ยาเสพติดในช่วงวัยรุ่นและคำกล่าวอ้างว่าพระองค์สังหารนักรบ 25 คนในช่วงปฏิบัติหน้าที่ให้กับกองทัพอังกฤษขณะประจำการในอัฟกานิสถาน และการเสียพรหมจรรย์ครั้งแรก เป็นต้น หนังสือเล่มนี้ยังออกจำหน่ายหลังจากที่สารคดี “แฮร์รีและเมแกน” (Harry & Meghan) ความยาว 6 ชั่วโมงออกฉายทางเน็ตฟลิกซ์ ที่ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์ กล่าวถึงความทุกข์ยากที่ได้รับจากสมาชิกพระราชวงศ์อังกฤษและจากสื่ออังกฤษ
ยูกอฟ บริษัทวิจัยตลาดและวิเคราะห์ข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตระดับนานาชาติของอังกฤษ สำรวจความเห็นประชาชนอังกฤษในวันจันทร์ ซึ่งพบว่าร้อยละ 64 มีทัศนะในทางลบต่อเจ้าชายแฮรี ซึ่งต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนั้น มีผู้ชมเพียง 4.1 ล้านคนที่เปิดโทรทัศน์ดูการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกของเจ้าชายแฮรี่ ทางไอทีวี ของอังกฤษ ที่มีเป้าหมายในการโปรโมทหนังสือ ในระหว่างการให้สัมภาษณ์เจ้าชายแฮรี่ตรัสว่า พระองค์ไม่เคยกล่าวหาพระราชวงศ์ว่าเหยียดสีผิวแต่อย่างใด จากกรณีการกล่าวถึงสีผิวของทารกในครรภ์ของเมแกน โดยทรงระบุว่า สื่ออังกฤษเป็นผู้เขียนกันไปเอง.-สำนักข่าวไทย