ปารีส 24 ธ.ค. – ชาร์ลส์ โสภราช ฆาตกรต่อเนื่องชาวฝรั่งเศส ซึ่งลงมือฆาตกรรมเหยื่อหลายรายทั่วทวีปเอเชียในช่วงทศวรรษหลังปี 1970 เดินทางกลับถึงฝรั่งเศสแล้วในวันนี้ภายหลังได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ หลังจากถูกจำคุกในเนปาลเป็นเวลาเกือบ 20 ปี
ศาลสูงสุดของเนปาลพิพากษาเมื่อวันพุธว่า นายโสภราช วัย 78 ปี ควรได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระด้วยเหตุผลทางด้านสุขภาพและให้เนรเทศเขากลับไปยังฝรั่งเศสภายใน 15 วัน เขาถูกปล่อยตัวในวันศุกร์และเดินทางด้วยเครื่องบินจากสนามบินกาฐมาณฑุกลับไปยังกรุงปารีสผ่านทางกรุงโดฮา ของกาตาร์ ในระหว่างที่เดินทาง นายโสภราช ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “ฆาตรกรบิกินี” ในประเทศไทย และ “อสรพิษ” จากการที่เขาสามารถหลบหนีการจับกุมของตำรวจกล่าวยืนยันกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเอเอฟพีว่า เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ชีวิตของนายโสภราชถูกนำมาอ้างอิงสร้างเป็นซีรีส์ชื่อ “เดอะ เซอร์เพนท์” หรือ อสรพิษ ที่ร่วมกันผลิตโดยเน็ตฟลิกซ์และบีบีซี ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวการก่ออาชญากรรมเขาที่บางครั้งเขาอ้างตัวเป็นพ่อค้าเพชร ตีสนิทกับเหยื่อ หลายคนเป็นนักท่องเที่ยวแบบสะพายเป้ที่ท่องเที่ยวตามเส้นทางที่เรียกว่า “ฮิปปี้เทรล” ก่อนที่จะวางยา ปล้นและฆาตกรรมพวกเขา
ศาลเนปาลมีคำสั่งให้นายโสภราช ซึ่งเข้ารับการผ่าตัดหัวใจเมื่อปี 2017 ให้เป็นอิสระด้วยเหตุผลด้านสุขภาพหลังจากเข้ารับโทษจำคุกมานานกว่า 3 ใน 4 ของโทษจำคุกในความผิดฐานฆาตกรรมนักท่องเที่ยวสหรัฐและแคนาดาในช่วงทศวรรษหลังปี 1970
นายโสภราช เกิดในเวียดนาม มีพ่อเป็นชาวอินเดียและแม่ชาวเวียดนาม ซึ่งต่อมาแต่งงานกับคนฝรั่งเศส เขาถูกคุมขังในเรือนจำความมั่นคงสูงในเนเปลตั้งแต่ปี 2003 หลังจากเขาถูกจับกุมในข้อหาฆาตกรรมนักท่องเที่ยวหญิงชาวอเมริกันเมื่อปี 1975 และเพื่อนชาวแคนาดาของเธอ โดยเขาถูกจำคุก 19 ปี จากโทษจำคุก 20 ปี เขาเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมอื่น ๆ รวมถึงในประเทศไทยที่ตำรวจระบุว่า เขาเป็นฆาตกรสังหารเหยื่อที่เป็นสตรี 6 รายในช่วงทศวรรษหลังปี 1970 บางรายพบศพที่ชายหาดในเมืองพัทยาโดยร่างสวมบีกีนี ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเรียกขานว่า “ฆาตกรบิกินี” เขาถูกจำคุกในอินเดียจากการวางยากลุ่มนักท่องเที่ยวฝรั่งเศสในกรุงนิวเดลี ในปี 1976 ก่อนที่จะถูกดำเนินคดีในประเทศไทย ในระหว่างที่ถูกจำคุกในอินเดียเป็นเวลา 21 ปี เขาวางยาผู้คุมและหนีออกจากเรือนจำในปี 1986 ก่อนที่จะถูกจำกุมอีกครั้งที่รัฐกัวของอินเดีย เขาได้รับการปล่อยตัวในปี 1997 ซึ่งคดีในประเทศไทยก็หมดอายุความแล้ว เขาเดินทางกลับไปยังกรุงปารีส ก่อนทีจะกลับมาเนปาลอีกครั้งในปี 2003.-สำนักข่าวไทย