บรัสเซลส์ 14 ธ.ค.- สหภาพยุโรปหรืออียู เผยว่า ต้องการกลับมากระชับความสัมพันธ์กับสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับสงครามในยูเครนและความท้าทายจากจีน
อาเซียน-อียูกำลังประชุมสุดยอดสมัยพิเศษที่กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียมระหว่างวันที่ 12-15 ธันวาคม ฝรั่งเศสในฐานะประธานอียูวาระปัจจุบันระบุว่า ยุโรปจำเป็นต้องกลับมากระชับความสัมพันธ์กับอาเซียน ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีพลวัตรมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เจ้าหน้าที่อียูเผยว่า อียูใช้การทูตผลักดันให้เกิดแนวร่วมต่อต้านรัสเซีย เนื่องจากการที่รัสเซียรุกรานยูเครนได้ทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจและการเมืองไปทั่วโลก แต่สมาชิก 10 ชาติอาเซียนมีท่าทีต่อรัสเซียแตกต่างกัน สิงคโปร์คว่ำบาตรรัสเซียตามอย่างตะวันตก เวียดนามและ สปป.ลาวที่มีความใกล้ชิดทางทหารกับรัสเซียวางตัวเป็นกลาง และงดออกเสียงเช่นเดียวกับไทยต่อญัตติในสหประชาชาติเมื่อเดือนตุลาคมประณามรัสเซียที่พยายามผนวกดินแดนที่ยึดได้ในยูเครน ทัศนะที่แตกต่างกันนี้ทำให้มีการถกเถียงกันอย่างหนักเรื่องเนื้อหาร่างปฏิญญา อย่างไรก็ดี ในที่สุดที่ประชุมสามารถตกลงได้ว่าจะส่งสารที่ชัดเจนที่สุดว่า อธิปไตยและความเป็นเอกราชของยูเครนจะต้องได้รับการเคารพ
อีกประเด็นหนึ่งที่ที่ประชุมสุดยอดหารือกันคือเรื่องจีน การที่จีนอ้างสิทธิเหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมดทำให้เพื่อนบ้านไม่พอใจและยุโรปเกรงว่าจะกระทบการค้าผ่านน่านน้ำสำคัญนี้ จีนเป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดของอาเซียน และหลายประเทศในภูมิภาคไม่อยากตีตัวออกห่าง ขณะที่อียูพยายามเสนอตัวเป็นคู่ค้าที่เชื่อถือได้ของอาเซียนในยามที่จีนและสหรัฐแข่งขันกันรุนแรงขึ้น อีกทั้งยังต้องการกระจายห่วงโซ่อุปทานหลักไปยังแหล่งอื่น ๆ นอกจากจีน อียูเตรียมประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 10,000 ล้านยูโร (ราว 367,808 ล้านบาท) ในอาเซียนภายใต้ยุทธศาสตร์โกลบอลเกตเวย์ (Global Gateway) ที่กำหนดขึ้นเพื่อต้านทานการแผ่อิทธิพลของจีน.-สำนักข่าวไทย