นิวยอร์ก 1 ธ.ค. – นครนิวยอร์กของสหรัฐ และสิงคโปร์ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดประจำปี 2565 ร่วมกัน ท่ามกลางสถานการณ์ที่หลายเมืองใหญ่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหาราคาพลังงานและภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น
ดิ อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (EIU) สถาบันวิจัยด้านเศรษฐกิจและการเมือง และผู้ผลิตนิตยสารดิอีโคโนมิสต์ของอังกฤษ ระบุในรายงานค่าครองชีพทั่วโลก (Worldwide Cost of Living) ใน 172 เมืองว่า นครนิวยอร์กของสหรัฐและสิงคโปร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดประจำปี 2565 ร่วมกัน ตามมาด้วยกรุงเทลอาวีฟของอิสราเอลที่หล่นมาอยู่อันดับ 3 หลังจากที่ครองตำแหน่งเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดประจำปี 2564 อันดับ 4 ตกเป็นของฮ่องกงและนครลอสแอนเจลิสของสหรัฐ ตามมาด้วยเมืองซูริคของสวิตเซอร์แลนด์ในอันดับ 6 นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ในอันดับ 7 เมืองซานฟรานซิสโกของสหรัฐในอันดับ 8 กรุงปารีสของฝรั่งเศสในอันดับ 9 และกรุงโคเปนเฮเกนของเดนมาร์กกับนครซิดนีย์ของออสเตรเลียในอันดับ 10 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีชื่อนครซิดนีย์ติด 10 อันดับแรก
รายงานดังกล่าวยังระบุว่า ค่าเงินที่แข็งขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายเมืองขยับอันดับแบบก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูง เช่น กรุงมอสโกและนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซียที่ขยับอันดับขึ้นจากปีก่อนถึง 88 อันดับ เนื่องจากถูกชาติตะวันตกใช้มาตรการคว่ำบาตรและปัญหาราคาน้ำมันแพงที่ทำให้สินค้ามีราคาสูงขึ้น อย่างไรก็ดี มีหลายเมืองในหลายประเทศที่มีอันดับลดลงจากปีก่อน เนื่องจากมีค่าเงินอ่อนค่าลง เช่น กรุงโตเกียวและนครโอซากาของญี่ปุ่นที่ร่วงไปอยู่อันดับ 37 และ 43 จากเดิมที่อันดับ 13 และ 10 ตามลำดับ.-สำนักข่าวไทย