ปักกิ่ง 30 พ.ย. – ชาวจีนในนครกวางโจวในมณฑลกวางตุ้งของจีนปะทะกับตำรวจปราบจลาจลที่สวมชุดป้องกันเชื้อโรคเมื่อคืนวันอังคาร เนื่องจากไม่พอใจที่ทางการจีนใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ที่เข้มงวดมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปี
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานอ้างคลิปวิดีโอในทวิตเตอร์ที่แสดงให้เห็นภาพตำรวจจีนหลายสิบนายในชุดป้องกันเชื้อโรคสีขาวเดินถือโล่เหนือศีรษะ พร้อมเคลื่อนขบวนไปตามสิ่งกีดขวางบนท้องถนนที่เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการล็อกดาวน์ ในขณะที่มีคนขว้างปาวัตถุใส่ขบวนตำรวจในเขตไห่จูของนครกวางโจว ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตและตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจีน ก่อนที่จะมีภาพตำรวจควบคุมตัวชาวจีนจำนวนหนึ่งที่ถูกสวมกุญแจมือไปยังสถานที่ที่ยังไม่ทราบแน่ชัด ขณะที่คลิปวิดีโออื่น ๆ ปรากฏภาพชาวจีนหลายคนขว้างปาวัตถุแข็งใส่ตำรวจ และตำรวจปากระป๋องแก๊สน้ำตาไปตกท่ามกลางกลุ่มคนขนาดเล็ก จนทำให้คนกลุ่มนี้พากันวิ่งหนีและสลายตัวในทันที ขณะที่โพสต์ในสื่อโซเชียลมีเดียระบุว่าเหตุปะทะดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันอังคาร และมีต้นเหตุมาจากความไม่พอใจต่อการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคโควิด
ในขณะเดียวกัน นครเจิ้งโจวในมณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของจีน ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงงานผลิตไอโฟนขนาดใหญ่ของฟ็อกซ์คอนน์ บริษัทเทคโนโลยีของไต้หวัน และเคยเกิดเหตุคนงานก่อความไม่สงบที่โรงงาน ได้ประกาศอนุญาตให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดดำเนินงานได้อีกครั้งภายใต้กฎระเบียบด้านโควิด เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต โรงออกกำลังกาย และร้านอาหาร แต่ก็ประกาศรายชื่ออาคารหลายแห่งที่ยังต้องอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคโควิดในระดับสูง
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนรายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยโควิดรายใหม่ 37,828 คน เมื่อวันอังคาร แต่ไม่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ โดยกรุงปักกิ่งพบผู้ป่วยโควิดรายใหม่ 4,522 คน เพิ่มขึ้นจากวันจันทร์ที่มี 4,386 คน ส่วนนครเซี่ยงไฮ้พบผู้ป่วยโควิดรายใหม่ 187 คน เพิ่มขึ้นจากวันจันทร์ที่มี 178 คน ด้านนครกวางโจว ซึ่งมีประชากรเกือบ 19 ล้านคน พบผู้ป่วยโควิดรายใหม่ 6,995 คน ลดลงจากวันจันทร์ที่มี 7,279 คน ทั้งนี้ ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกระบุว่า จีนมียอดผู้ป่วยสะสมกว่า 9.64 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 30,100 คน.-สำนักข่าวไทย