ปักกิ่ง 9 พ.ย. – การจัดอันดับมหาเศรษฐีในจีน “หูรุ่น ไชนา ริช ลิสต์” ประจำปีนี้ปรากฏว่า ความรวยของเศรษฐีจีนลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 2 ทศวรรษ ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากมาตรการเข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และวิกฤติตลาดอสังหาริมทรัพย์ทำให้เศรษฐกิจจีน ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก เกิดภาวะชะลอตัว
รายงานการจัดอันดับความมั่งคังของมหาเศรษฐีจีน “หูรุ่น ไชนา ริช ลิสต์” ที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ กล่าวว่า บุคคลที่มีทรัพย์สินทั้งหมดรวมแล้วมีมูลค่า 5 พันล้านหยวน หรือ ประมาณ 691 ล้านดอลลาร์ (25,465 ล้านบาท) ที่อยู่ในบัญชีการจัดอันดับของหูรุ่น มีทรัพย์สินลดลงร้อยละ 18 คิดเป็นมูลค่าเท่ากับ 24.5 ล้านล้านหยวน หรือ 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ และในปีนี้ มีผู้ที่มีทรัพย์สินที่ถึงเกณฑ์เป็นมหาเศรษฐีของหูรุ่นเพียง 1,305 คน ลดลงร้อยละ 11 เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อปีที่แล้ว และถือเป็นลดดลงมากที่สุดในรอบ 24 ปี ความร่ำรวยของมหาเศรษฐีชาวจีนต้องเผชิญกับความกดดันจากนโยบายให้ผู้ติดเชื้อโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งส่งผลกระทบกับภาคการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนั้น ยังได้รับผลกระทบจากตลาดหุ้นปรับตัวลดลงจากการเข้าปราบปราบอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปี นอกจากนั้น ยังเผชิญกับความผันผวนด้านภูมิรัฐศาสตร์จากเหตุการณ์ทางการเมืองต่าง ๆ เช่น สงครามในยูครน ธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์และสุขภาพได้รับผลกระทบอย่างหนัก สำหรับผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในจีนจากการจัดอันดับในปีนี้ 3 อันดับแรกยังคงไม่เปลียนแปลงจากปีที่แล้ว คือ จง สานส่าน วัย 68 ปี ผู้ก่อตั้งบริษัทน้ำดื่มหนงฟู (Nongfu Spring) อันดับที่ 2 คือ จาง อีหมิง วัย 39 ปี ผู้ก่อตั้งบริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) เจ้าของติ๊กต็อก (Tiktok) นดับที่ 3 คือ เจิง อี้ว์ฉุน วัย 54 ปี ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทผู้จัดหาแบตเตอรี่ซีเอทีแอล.-สำนักข่าวไทย