25 ต.ค. – นักเคลื่อนไหวต้านโลกร้อนออกมาทำกิจกรรมประท้วงเรียกร้องความสนใจต่อเนื่อง ล่าสุด 2 นักเคลื่อนไหวด้านโลกร้อนบุกเข้าไปปามันบดใส่ภาพวาดของโมเนต์ ศิลปินดัง ในพิพิธภัณฑ์ที่เยอรมนี
นักเคลื่อนไหว 2 คน จากกลุ่ม “คนรุ่นสุดท้าย” สาดฝรั่งบดที่เตรียมมาใส่ภาพเขียนกองฟาง ผลงานมูลค่ากว่า 110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ของโคลด โมเนต์ ศิลปินชาวฝรั่งเศส ภายในพิพิธภัณฑ์บาร์เบอรินี ในเมืองปอตสดัม ประเทศเยอรมนี พร้อมกับเทกาวตราช้างทามือและวางมือลงบนผนัง นักเคลื่อนไหวทั้ง 2 คนยังได้กดกริ่งสัญญาณเตือน เพื่อหันเหความสนใจจากเจ้าหน้าที่ในพิพิธภัณฑ์ ก่อนลงมือสาดมันบดบนภาพวาด
นักเคลื่อนไหวระบุว่า ทำไปเพื่อหวังกระตุ้นให้คนออกมาสนับสนุนการปกป้องสภาพภูมิอากาศโลก โดยนักเคลื่อนไหวหญิงตะโกนว่า ผู้คนกำลังอดอยาก หนาวเหน็บ และอดตาย โลกกำลังเผชิญหายนะด้านสภาพภูมิอากาศ และวิทยาศาสตร์ยืนยันแล้วว่าในปี 2050 แต่ละครอบครัวจะไม่มีอาหารให้กินอิ่ม แต่ทุกคนกลับกลัวว่าผลงานศิลปะจะเสียหายจากมันบดหรือซุปมะเขือเทศ ถ้าเกิดการทำสงครามแย่งชิงอาหารทั่วโลก ภาพวาดพวกนี้จะไม่มีค่าอะไรเลย
หลังจากนั้นไม่นาน นักเคลื่อนไหวทั้งคู่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิพิธภัณฑ์นำตัวส่งตำรวจ ขณะที่ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์บอกว่า ภาพเขียนในพิพิธภัณฑ์มีกระจกนิรภัยกั้นไว้อีกชั้นหนึ่ง ได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี ทำให้ไม่ได้รับความเสียหาย และการที่นักเคลื่อนไหวทำให้ภาพวาดหรือผลงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์ตกอยู่ในอันตรายนั้นไม่ได้ช่วยให้สภาพอากาศของโลกดีขึ้น หรือแก้ไขปัญหาความอดอยากของผู้คนในโลก ควรหาวิธีการใหม่ในการแสดงออกที่ไม่สร้างความเดือดร้อนจะดีกว่า
ขณะที่หลายฝ่ายเชื่อว่ากิจกรรมนี้ดูเหมือนเป็นการลอกเลียนแบบกลุ่ม Just Stop Oil ในอังกฤษ ซึ่งเคยเอาซุปมะเขือเทศไปสาดใส่ภาพวาด “ดอกทานตะวัน” มูลค่า 85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ของวินเซนต์ แวนโก๊ะ ที่หอศิลป์แห่งชาติกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา .-สำนักข่าวไทย