ลอนดอน 26 ส.ค. – หน่วยงานกำกับดูแลด้านพลังงานของอังกฤษ ระบุว่า ชาวอังกฤษจะต้องจ่ายบิลค่าพลังงานเป็นจำนวนเงินเฉลี่ยปีละ 3,549 ปอนด์ (ราว 150,800 บาท) นับตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ ทำสถิติพุ่งขึ้นถึงร้อยละ 80 พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษเร่งแก้ไขวิกฤตดังกล่าวอย่างเร่งด่วน
นายโจนาธาน เบรอร์ลีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ของ ออฟเจม (Ofgem) หน่วยงานกำกับดูแลด้านพลังงานของอังกฤษ เผยวันนี้ว่า ชาวอังกฤษจะต้องจ่ายบิลค่าพลังงานเป็นจำนวนเงินเฉลี่ยปีละ 3,549 ปอนด์ นับตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ ทำสถิติพุ่งขึ้นถึงร้อยละ 80 บิลค่าพลังงานที่แพงขึ้นจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อครัวเรือนทั่วประเทศ และคาดว่าบิลค่าพลังงานจะมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นอีกในเดือนมกราคมปีหน้า ในขณะที่ราคาน้ำมันขายส่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัสเซียลดปริมาณส่งออกน้ำมันไปยังทวีปยุโรป ปัญหานี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อครัวเรือนที่มีรายได้น้อยเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่ออนาคตของธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ นอกจากนี้ นายเบรอร์ลีย์ ยังเรียกร้องให้ผู้นำอังกฤษคนต่อไป ไม่ว่าจะเป็นนางลิซ ทรัสส์ หรือนายริชี ซูนัค จำเป็นต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้โดยด่วน หลังเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 5 กันยายน
ในขณะเดียวกัน คอร์นวอลล์ อินไซต์ (Cornwall Insight) บริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานของอังกฤษ ระบุว่า ชาวอังกฤษเคยจ่ายบิลค่าพลังงานเฉลี่ยปีละ 1,277 ปอนด์ (ราว 54,400 บาท) ในปี 2564 ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 3,549 ปอนด์ในปีนี้ โดยคาดว่า ชาวอังกฤษจะต้องจ่ายบิลค่าพลังงานไม่ถึง 6,000 ปอนด์ (ราว 255,600 บาท) ในปีหน้า ซึ่งหมายความว่า จะต้องจ่ายค่าพลังงานเดือนละเกือบ 500 ปอนด์ (ราว 21,300 บาท).-สำนักข่าวไทย