รัฐสภา 10 ส.ค.- สุดยื้อ! รัฐสภาล่ม หลังใช้เวลา 5 ชั่วโมง ถกกฎหมายลูกมาตราเดียว พบ ส.ส. พท.- พปชร. หายเกือบยกพรรค ขณะในขั้นการขานชื่อแสดงตน มี ส.ส.-ส.ว. แสดงตนครบ แต่กลับไม่ร่วมลงมติ
การประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณา พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ภายหลังองค์ประชุมสามารถเดินหน้าประชุมต่อไปได้ ทำให้ที่ประชุมได้พิจารณาต่อในมาตรา 24/1 ซึ่งกรรมาธิการเพิ่มขึ้นมาใหม่ เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อในสูตรหาร 500 กรณีประกาศผลเลือกตั้งได้เพียง 95% ซึ่งมาตรานี้ มี ส.ส. ส.ว. และกรรมาธิการ อภิปรายไม่เห็นด้วยกับสูตรหาร 500 จำนวนมาก อย่างนายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่าส่วนตัวแม้ไม่เห็นด้วยกับระบบเลือกตั้งแบบบัตรสองใบ แต่เมื่อรัฐสภามีการแก้ไขรัฐธรรมนูญกลับไปแบบบัตรสองใบ เกิดขึ้น ดังนั้นเมื่อใช้บัตรสองใบ การคำนวณการนับคะแนนก็ควรต้องแยกออกจากกันเหมือนในอดีต ส่วนปัญหาคำว่า ส.ส.พึงมีที่ยังค้างอยู่ในรัฐธรรมนูญนั้น ส่วนตัวเห็นว่า สัดส่วน ส.ส.พึงมี ดังกล่าว เป็นเรื่องที่ขัดรัฐธรรมนูญไปแล้ว เพราะการมีสัดส่วน ส.ส.พึงมี เป็นการคำนวณแบบบัตรใบเดียว เมื่อรัฐธรรมนูญเปลี่ยนเป็นบัตรสองใบ แล้วจึงขัดรัฐธรรมนูญ
เช่นเดียวกับนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา กรรมาธิการเสียงข้างน้อย ย้ำว่าการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ สูตรหาร 500 เป็นเรื่องที่ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะการที่อ้างว่าเงื่อนไข ส.ส.พึงมี เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 92 วรรคท้าย, มาตรา93, มาตรา94 นั้น ส่วนตัวถือว่าทั้ง 3 มาตราตายไปไม่มีผลใช้บังคับโดยสภาพ เพราะทั้ง 3 มาตรา กำหนดให้นำคะแนน ส.ส.เขต มาคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตามระบบเดิม
จากนั้นมี ส.ส. อภิปรายถกเถียงอย่างมากถึงความไม่สมเหตุสมผลของระบบสูตรหาร500 ที่ทำให้พรรคการเมืองที่ได้ ส.ส.เขต มาก สัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อก็ต้องลดน้อยลง จนกระทั่งมีการลงมติ โดยนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย เสนอให้มีการแพนกล้องถ่ายทอดสดบันทึกการประชุม ระหว่างลงมติด้วย เพื่อป้องกันการเสียบบัตรแทนกัน ทำให้ นายคารม พลพรกลาง ส.ส.พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงว่านายพิเชษฐ์ พูดพร่ำเพรื่อกล่าวหาเพื่อนสมาชิก จนมีการตอบโต้กันไปมา ขณะที่ นายออน กาจกระโทก สมาชิกวุฒิสภา เสนอแนะให้ประธาน ตรวจสอบองค์ประชุมด้วยการขานชื่อแทนเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบว่าใครอยู่ร่วมประชุมบ้าง จากนั้นระบบเสียบบัตรตรวจสอบองค์ประชุม แจ้งว่ามีสมาชิกแสดงตน 366 คน เกินครึ่งมาเพียง 2 คน จากจำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 727 คน โดย ส.ส.ส่วนใหญ่ที่หายไปเป็น
- ส.ส.พรรคเพื่อไทย แสดงตนเพียง 8 คน จาก ส.ส. ทั้งหมด 132 คน
- ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แสดงตน เพียง 7 คน จาก ส.ส. ทั้งหมด 97 คน
- ส่วน สมาชิกวุฒิสภา 249 คน แสดงตน 154 คน ไม่แสดงตน 95 คน
อย่างไรก็ตาม หลังผลการตรวจสอบองค์ประชุมปรากฏแล้ว แต่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้เสนอญัตติให้ตรวจสอบองค์ประชุมด้วยวิธีขานชื่อรายคนเพื่อป้องกันการเสียบบัตรแทนกัน มีผู้รับรองถูกต้อง ทำให้ ประธานต้องดำเนินการ ตรวจสอบองค์ประชุม ด้วยการขานรายชื่อ ซึ่งที่ประชุมใช้เวลาขานชื่อ เกือบ 2 ชั่วโมง มีผู้ขานชื่อแสดงตน เพิ่มเป็น 403 คน
จากนั้น นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานในที่ประชุมได้เปิดให้สมาชิกได้ลงมติ ร่างกฎหมายมาตรา 24/1 แต่ปรากฏว่าใช้เวลาลงมติอยู่นานถึง 25 นาที ซึ่งอ้างว่าสมาชิกที่มาแสดงตน ได้ออกไปรับประทานอาหารจำเป็นต้องรอเวลา จนกระทั่งเวลา 16.15 น. มีสมาชิกร่วมลงมติเพียง 342 คน ไม่ถึงครึ่งขององค์ประชุม นายพรเพชร จึงสั่งปิดประชุมทันที .-สำนักข่าวไทย