นครศรีธรรมราช 6 ก.ค. – ศาลฎีกาตัดสินคดีทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช “มาโนช-เทพไท เสนพงศ์” ยืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ส่งผลให้ติดคุก 2 ปี ตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี ควบคุมตัวเข้าเรือนจำในทันที
ที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช วันที่ 6 ก.ค.65 ที่ห้องบัลลังก์เก้าศาลฎีกาได้มีการนัดพิพากษาในคดีทุจริตการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชที่มีนายพิชัย บุณยเกียรติ อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช น้องชายนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช เป็นโจทก์ในคดีทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ยื่นฟ้องนายมาโนช เสนพงศ์ เป็นจำเลยที่ 1 และนายเทพไท เสนพงศ์ เป็นจำเลยที่ 2 โดยได้มีการต่อสู้คดีอย่างยาวนานอยู่ในชั้นการพิจารณาของอัยการยาวนานร่วม 4 ปี แต่ไม่ได้ส่งฟ้องต่อศาลและต่อมานายพิชัย ซึ่งเป็นผู้เสียหายโดยตรงได้รวบรวมเอกสารพยานหลักฐานยื่นฟ้องด้วยตนเองทั้งคดีเลือกตั้งและคดีอาญา โดยคดีเลือกตั้งนั้นได้มีการพิจารณาเสร็จสิ้นไปแล้วโดยศาลอุธรณ์ภาค 8 นายมาโนชและนายเทพไท เสนพงศ์ ถูกพิจารณาโทษตัดสิทธิทางการเมือง ในส่วนของคดีอาญานั้นศาลชั้นต้นได้พิพากษาจำคุก 3 ปี แต่ลดโทษ 1 ใน 3 คงเหลือจำคุก 2 ปี เพิกถอนสิทธิ์การเลือกตั้ง 10 ปี ต่อมาจำเลยทั้งสองอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ล่าสุดในวันนี้ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นอุทธรณ์คือจำคุก 2 ปี และตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี ส่งผลให้นายมาโนช เสนพงศ์ และนายเทพ ไทเสนพงศ์ ถูกควบคุมตัวเข้าเรือนจำจังหวัดนครศรีธรรมราชในทันที ด้านนายพิชัย บุณยเกียรติ ได้เปิดเผยหลังจากฟังคำพิพากษาว่ารู้สึกขอบคุณศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม โดยคดีดังกล่าวให้ถือเป็นบทเรียนสำหรับนักการเมืองในทุกระดับต้นได้ต่อสู้ในเรื่องนี้มายาวนานเพื่อหวังจะให้จังหวัดนครศรีธรรมราชได้เป็นแบบอย่างของการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์และยุติธรรม
ด้านนายสุวิทย์ ศิริวุฒิ ทนายความฝ่ายโจทก์ กล่าวว่า คดีนี้จะเป็นบทเรียนบทหนึ่งของนักการเมืองรุ่นหลังจะต้องยึดถือปฏิบัติสร้างนอมินีแล้วตัวเองจะพ้นผิดในกฎหมายเลือกตั้ง เป็นบทเรียนในคำพิพากษาในคดียังสูงหน่อยมันไม่ใช่อย่าคิดอย่างนั้นเลือกปฏิบัติในกรณีที่ไม่ชอบด้วยกฏหมายการเลือกตั้ง. -สำนักข่าวไทย