พลิกแผ่นดินล่า มือฆ่าสามีภรรยาในไต้หวัน หนีกลับไทย

13 มิ.ย. – เหตุสะเทือนขวัญในไต้หวัน กรณีนายสันติฆ่าโหดสามีภรรยาชาวไทยที่ท้องแฝด 5 เดือน ยัดท้ายรถ ทิ้งสถานีรถไฟที่ไต้หวัน หลังหนีกลับมากบดานในไทย คดีนี้ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ ย้ำพร้อมให้ความร่วมมือติดตามตัวนายสันติตามที่ทางการไต้หวันขอมาอย่างเต็มที่ ด้านพี่ชายเหยื่อ เผยนายสันติและน้องสาวโตมาด้วยกัน สนิทกันมาก และนายสันติเป็นคนโน้มน้าวคนเก่ง


พล.ต.ต.เขมรินทร์ หัสศิริ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ คาดการณ์ว่าในสัปดาห์นี้ ทางการไต้หวันจะส่งเอกสารอย่างเป็นทางการมาถึงไทยกรณีประสานตามล่าตัวนายสันติ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุสะเทือนขวัญฆ่าโหดสามีภรรยาในไต้หวัน ด้วยการใช้ของแข็งทุบศีรษะจนเสียชีวิต ก่อนนำร่างยัดไว้ท้ายรถเอสยูวี และนำรถไปจอดทิ้งที่ลานจอดรถสานีรถไฟความเร็วสูงเถาหยวน จากการตรวจสอบพบว่าฝ่ายภรรยา คือ น.ส.พจนีย์ คนไทยที่ได้สัญชาติไต้หวัน และกำลังท้องลูกแฝด 5 เดือน ส่วนฝ่ายชายคือนายประเสริฐ เป็นคนไทยมาจากอุบลราชธานี ทั้งคู่ทำธุรกิจข้าวกล่องส่งขายแรงงานไทย ส่วนนายสันติผู้ก่อเหตุ เป็นคนไทยได้สัญชาติไต้หวัน และเป็นเพื่อนที่ผู้ตายไว้ใจ ขณะที่มูลเหตุมูลเหตุใจคาดว่ามาจากปมขัดแย้งเรื่องการกู้เงิน ผลประโยชน์ และธุรกิจ และหลังก่อเหตุนายสันติได้หนีกลับมาไทย ทำให้กรมสอบสวนคดีอาญา สำนักงานตำรวจไต้หวัน เร่งประสานหน่วยงานไทยช่วยติดตามจับกุม เพื่อนำตัวกลับมาดำเนินคดีในไต้หวัน

คดีนี้ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ ย้ำว่า พร้อมให้ความร่วมมือติดตามตัวนายสันติตามที่ทางการไต้หวันขอมาอย่างเต็มที่ แม้ไทยกับไต้หวันไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่ที่ผ่านมาเคยส่งมอบผู้ต้องหาคดียาเสพติดกันมาแล้ว โดยใช้หลักต่างตอบแทน


ด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ย้ำชัดขณะนี้ตำรวจเชียงใหม่ยังไม่ได้รับการประสานเกี่ยวกับหมายแดง หรือหมายดำของตำรวจสากล ที่ใช้ในการควบคุมตัวนายสันติ แต่การไปตรวจสอบบ้านเกิดที่ อ.ไชยปราการ ขณะนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหว แม้ตำรวจไต้หวันจะให้ข้อมูลว่านายสันติได้เดินทางจากไทยไปไต้หวันเมื่อวันที่ 6 เมษายน และเดินทางกลับไทย ลงที่สุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงหลังก่อเหตุ ก่อนเดินทางต่อมาเชียงใหม่ก็ตาม

พี่ชายเหยื่อสาว แฉ “สันติ” คุยโน้มน้าวคนเก่ง
ขณะที่วันนี้ ทีมข่าวศูนย์เหนือสำนักข่าวไทย ได้ไปพบกับนายยิ่งยศ พี่ชายของ น.ส.พจนีย์ เหยื่อที่ท้องลูกแฝด 5 เดือน ซึ่งได้เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมย้ำว่าอยากให้ตำรวจตามตัวนายสันติมาให้ได้โดยเร็ว เพราะล่าสุดได้ข่าวจากชาวบ้านว่าเห็นนายสันติอยู่ที่บ้านใหม่หนองบัว อ.ไชยปราการ ซึ่งเป็นบ้านเกิด แต่ไม่มีใครยืนยัน อยากให้ตำรวจไปตรวจสอบอีกครั้ง ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างน้องสาวกับนายสันติคนก่อเหตุ เรียกว่าสนิทกันมาก เพราะโตมาด้วยกัน ก่อนที่น้องสาวจะสอบชิงทุนไปเรียนที่ไต้หวันตอนอายุ 16-17 ปี และมีครอบครัวที่นั่นจนได้สัญชาติไต้หวัน ส่วนนายสันติเพิ่งจะไปไต้หวันเมื่อ 2 ปีก่อน และยังไปกักตัวที่บ้านน้องสาว ก่อนได้งานทำด้วย ย้ำว่าทั้งคู่สนิทกันมากถึงขั้นรู้รหัสประตูบ้าน ยืมสร้อยทองมาใส่ได้ และน่าจะทำธุรกิจด้วยกัน

นอกจากนี้ ก่อนเกิดเหตุช่วง 2 ทุ่มวันที่ 8 มิถุนายน น้องสาวโทรมาปรึกษาว่าถูกแรงงานไทยคนหนึ่งขโมยเงิน 8 แสนบาท พร้อมสร้อยคอทองคำหนัก 15 บาทไป ส่วนนี้ทำให้พี่ชายเชื่อว่ามูลเหตุจูงใจในการสังหารน้องสาวและสามีมาจากเรื่องเงินแน่นอน ยอมรับครอบครัวไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงแบบนี้ และคนที่ลงมือฆ่ายังเป็นคนที่สนิทมาก เป็นญาติห่าง ๆ กันด้วย นายสันติปกติเป็นคนที่พูดเก่งโน้มน้าวคนอื่นเก่ง ไม่คิดว่าจะมีจิตใจที่โหดเหี้ยมแบบนี้ได้ ส่วนศพของน้องคงจะทำพิธีที่ไต้หวันในวันที่ 16 มิถุนายนนี้ จากนั้นจะนำกระดูกกลับมาทำบุญที่บ้านตามประเพณี


ขณะที่นายธีรศักดิ์ พ่อของนายประเสริฐที่ถูกนายสันติสังหาร ให้ข้อมูลว่า ทั้งคู่ทำธุรกิจข้าวกล่องส่งให้แรงงานไทยในโรงงาน ขายผลไม้ ลอตเตอรี่ ส่งเงินมาให้ ก่อนจะพบศพเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน นายประเสริฐบอกว่าจะกลับไทยพร้อมกับภรรยาในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ โดยบอกว่าจะพาครอบครัวไปเที่ยวทะเล หลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีก ยอมรับเป็นห่วงเรื่องคดี อยากให้ทางการไทยช่วยจับคนร้ายให้ได้ หากเป็นเพื่อนที่บินกลับมาไทยจริง เพราะพฤติกรรมโหดร้ายเกินไป ตอนนี้ตนและครอบครัวก็ยังทำใจไม่ได้ และอยากให้ทางสถานทูตเข้ามาให้คำแนะนำดูแลเรื่องของทางคดีให้ด้วย. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ลวงมาฆ่า จัดฉากเป็นอุบัติเหตุ หวังเงินประกัน 14 ล้าน

สุดโหด หนุ่มสกลนครถูกญาติตัวเองร่วมมือกับอดีตตัวแทนจำหน่ายประกัน ลวงมาฆ่า ก่อนจัดฉากเป็นอุบัติเหตุ หวังเงินประกัน พ.ร.บ.รถยนต์ 3 คัน รวม 14 ล้านบาท แต่บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถพบพิรุธ แจ้งตำรวจตรวจสอบ ก่อนออกหมายจับเบื้องต้น 4 คน

พระยันตระ

ปิดตำนาน “อดีตพระยันตระ” เสียชีวิตในวัย 73 ปี ที่สหรัฐ

“อดีตพระยันตระ” เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 73 ปี ที่วัดในสหรัฐอเมริกา ปิดตำนานอดีตพระภิกษุที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดรูปหนึ่งของวงการสงฆ์ไทย

อดีตผู้บังคับบัญชา “ผู้กำกับโจ้” เผยสมัยเป็นลูกน้องไม่ใช่คนเกเร

อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดประวัติอดีตผู้กำกับโจ้ สมัยเป็นลูกน้องไม่ใช่คนเกเร เชื่อได้รับผลกรรมที่ทำแล้ว

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศร้อน-ฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศร้อนและฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพจากสภาพอากาศร้อน และระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กทม.-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรง 30%

Exclusive! เปิดห้องขังแดน 5 “อดีต ผกก.โจ้”

กรมราชทัณฑ์ เปิดห้องขัง แดน 5 ของ “อดีต ผกก.โจ้” ให้สังคมได้เห็นสภาพความเป็นจริงอีกด้าน พบด้านในยังรักษาพื้นที่ และข้าวของเครื่องใช้ของอดีต ผกก.โจ้ เอาไว้ เผื่อเจ้าหน้าที่จะเข้ามาเก็บหลักฐานเพิ่มเติม

รัฐบาลเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงละศีลอด เดือนรอมฎอน

รัฐบาลเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงละศีลอด เดือนรอมฎอน ปี ฮ.ศ. 1446 ขณะที่นายกรัฐมนตรี ร่วมส่งใจให้พี่น้องชาวมุสลิมตั้งจิตมุ่งมั่นปฏิบัติศาสนกิจถือศีลอด ในช่วงเวลาแห่งเดือนอันศักดิ์สิทธิ์