fbpx

“ชัชชาติ” ถึงสหรัฐ พบหน้าลูกชายเตรียมรับปริญญา

สหรัฐ 10 มิ.ย. – “ชัชชาติ” ไลฟ์เฟซบุ๊ก เดินทางถึงสหรัฐแล้ว หลังจากประกาศลางาน 4 วัน เพื่อมาร่วมงานรับปริญญาลูกชายที่ซีแอตเทิล


ก่อนหน้านี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ไลฟ์เฟซบุ๊ก ขอลาราชการ 4 วัน เดินทางไปเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมแสดงความยินดีในงานรับปริญญาของบุตรชาย คือ นายแสนปิติ สิทธิพันธุ์ หรือ “แสนดี” อายุ 21 ปี ซึ่งจบการศึกษาด้านประวัติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน โดยนายชัชชาติ ได้ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. วันนี้ (10 มิ.ย.) พร้อมบอกว่า เดินทางถึงเมืองซีแอตเทิลโดยสวัสดิภาพ และมีบุตรชายเดินทางมารอรับถึงสนามบิน โดยมีคนไทยจำนวนหนึ่งมารอต้อนรับและให้กำลังใจด้วย

ทั้งนี้ มีคนเข้ามาชมไลฟ์กว่า 10,000 คน และคอมเมนต์แสดงความยินดีที่บุตรชายสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี โดยบุตรชายของนายชัชชาติ ได้ยกมือไหว้และกล่าวขอบคุณทุกคนที่เข้ามาแสดงความยินดีด้วย


ก่อนหน้านี้ ระหว่างที่นายชัชชาติเดินทางไปสหรัฐ ได้เปลี่ยนเครื่องบินที่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น และมีการไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กด้วย ซึ่งนายชัชชาติจะเดินทางกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ โดยแจ้งว่า งานรับปริญญาของบุตรชายจะมีขึ้นในวันเสาร์นี้ ก่อนเดินทางกลับทันทีในวันรุ่งขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน นายชัชชาติ ได้กล่าวถึงการจัดการขยะในพื้นที่ กทม. ว่า กทม.ใช้งบประมาณกว่า 8,000 ล้านบาท/ปี ในการจัดการขยะ แต่จัดเก็บค่าขยะได้เพียง 500 ล้านบาท/ปี ซึ่งเป็นจำนวนไม่มากหากเทียบกับค่าจัดการขยะ จึงมีนโยบายทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเก็บขนสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยอัตราใหม่ มีผลบังคับใช้ 1 ตุลาคม 2565 โดยจัดเก็บอัตราใหม่จาก 20 บาท เป็น 80 บาทนั้น ถือว่าเป็นจำนวนที่มาก จึงเกรงจะไปซ้ำเติมประชาชน และแม้จะเก็บอัตราใหม่ก็ได้ค่าขยะไม่มาก จึงยืนยันว่าจะยังไม่เก็บค่าขยะอัตราใหม่

นายชัชชาติ มองว่า ควรลดต้นทุนจัดการขยะที่ กทม.ต้องใช้งบประมาณหมื่นล้านต่อปี มากกว่าการไปเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียม โดยการรณรงค์แยกขยะ ด้วยแนวคิดขยะเป็นทองคำ เพิ่มแรงจูงใจแยกขยะ นำไปรีไซเคิลและใช้ประโยชน์ หรือนำไปขายได้ เชื่อว่าหากมีการคัดแยกขยะ จะลดค่าจัดการขยะที่ กทม.ต้องเสียปีละ 8,000 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน จึงได้มอบหมายผู้เกี่ยวข้องไปดูในรายละเอียด. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบภัย

“นายกฯ แพทองธาร” ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบอุทกภัย หวัง ศปช.รับมือ-ช่วยเหลือรวดเร็วทันท่วงที รวมถึงการเยียวยาหลังจากนี้

ฟื้นฟูชายแดนแม่สาย-เร่งกู้ตลาดสายลมจอย

เจ้าหน้าที่เร่งฟื้นฟูชุมชนชายแดนแม่สายที่ถูกน้ำท่วมและจมโคลนมานาน 10 วัน รวมทั้งเร่งกู้ตลาดสายลมจอยแหล่งจำหน่ายสินค้าชายแดนที่เสียหายอย่างหนัก

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553