กรุงเทพฯ 29 พ.ค. – “ชัชชาติ” ปั่นจักรยานนำ “ดร.ยุ้ย” และว่าที่ ส.ก.ก้าวไกล สำรวจชุมชนแออัดซอยทองหล่อ ย้ำต้องดูแลผู้อาศัยเหมือนเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ส่งเสริมโครงการบ้านมั่นคง-ระบบสาธารณสุขเส้นเลือดฝอย พร้อมเผยไม่กังวลที่มีผู้ร้องเรียน กกต. แล้วแต่จะตัดสิน แต่มั่นใจว่าไม่เป็นปัญหา ฝ่ายกฎหมายของตนชี้แจงได้ทุกเรื่อง
29 พฤษภาคม 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และ “ดร.ยุ้ย” เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ หัวหน้าทีมนโยบายเศรษฐกิจ “เพื่อนชัชชาติ” ลงพื้นที่เขตวัฒนา ร่วมกับนายอนรรฆ พิทักษ์ธานิน นักวิจัยสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาฯ น.ส.สุชิรา ศิลานนท์ ผู้อำนวยการเขตวัฒนา และนายสัณห์สิทธิ์ เนาถาวร ว่าที่ ส.ก.เขตวัฒนา พรรคก้าวไกล เพื่อสำรวจชุมชนหลังสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ (สน.ทองหล่อ) ชุมชนริมคลองเป้ง และชุมชนลีลานุช พร้อมเยี่ยมหน่วยให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยเครือข่ายสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
นายชัชชาติ กล่าวว่า ทองหล่อเป็นพื้นที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่ของกรุงเทพฯ มีชุมชนแออัดในพื้นที่ จำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย ชุมชนหลัง สน.ทองหล่อ ชุมชนคลองเป้ง และชุมชนลีลานุช มีประชากรประมาณ 400 หลังคาเรือน ส่วนใหญ่ตั้งที่อยู่อาศัยโดยผิดกฎหมาย ก่อนหน้านี้เคยมาเยี่ยมในช่วงโควิดระบาด ทราบว่าผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่ทำงานในย่านทองหล่อ-เอกมัย และจำเป็นต้องอาศัยใกล้แหล่งงาน ถือเป็นแรงงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจเมือง เช่น ประกอบอาชีพพนักงานรักษาความปลอดภัย แม่บ้าน คนขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง
นายชัชชาติ กล่าวว่า กทม.สามารถมีบทบาทด้านการประสานงานกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.) ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าโครงการบ้านมั่นคง เพื่อจัดหาที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อย ส่งเสริมระบบการออมเงินในชุมชน ตลอดจนการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในช่วงย้ายที่อยู่อาศัยใหม่
“จะบอกว่าเขาทำผิดกฎหมายแล้วไม่ดูแลเลย ผมว่าทำไม่ได้ เราต้องช่วยหาทางขยับขยาย ผมว่าแนวคิดบ้านมั่นคงดีนะ ให้มีการออมแล้วหาที่เช่าที่ถูกกฎหมาย แล้วขยับขยายไป ขณะเดียวกัน ช่วงย้ายที่อยู่อาศัยก็ต้องดูแลคุณภาพชีวิต เพราะในบ้านมีทั้งเด็กและคนแก่อยู่ อย่าคิดว่าเป็นสุญญากาศ เราต้องมองเขาเป็นเพื่อนมนุษย์เหมือนกัน ที่มีความยากลำบาก ชีวิตแต่ละวันผ่านไปก็ไม่ง่าย ถ้าต้องมากังวลเรื่องที่อยู่ มันลำบาก แล้วหลายคนก็ทำงานบริเวณนี้แหละ ในทองหล่อ ในเอกมัย เป็นแม่บ้าน เป็น รปภ. เป็นวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เป็นเครื่องจักรของเมืองที่ทำให้เมืองเดินได้ เราต้องดูแลเขาด้วยความเป็นมนุษย์” นายชัชชาติ กล่าว
นายชัชชาติ และ ดร.ยุ้ย ยังได้เยี่ยมชมหน่วยบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยนายชัชชาติ กล่าวว่า การให้บริการสาธารณสุขของ กทม. มีความซับซ้อน โดยแบ่งเป็นระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ ทั้งนี้ หน้าที่สำคัญที่สุดของ กทม. คือ การให้บริการระดับปฐมภูมิ ซึ่งถือเป็นด่านแรกในการเผชิญปัญหา ปกติด่านแรกที่ให้บริการ คือ ศูนย์บริการสาธารณสุข ปัจจุบันมีจำนวน 69 แห่งทั่ว กทม. ซึ่งยังพบปัญหาการกระจายศูนย์ไม่ทั่วถึง ห่างไกลบ้านเรือนชุมชน ตลอดจนจำนวนบุคลากรไม่เพียงพอ ดังนั้น จึงมีนโยบายให้บริการหน่วยสาธารณสุขถึงชุมชน โดยร่วมมือกับภาคเอกชน และ สปสช. นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดใช้เทคโนโลยี “เทเลเมด” รถตรวจสุขภาพเชิงรุกถึงชุมชน เพื่อลดต้นทุน เวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ตลอดจนเพิ่มจำนวนและส่งเสริมความเข้มแข็งของเครื่องอาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) ในพื้นที่ กทม.อีกด้วย
“นี่คือตัวอย่างการบริการจัดการสาธารณสุขให้เข้มแข็งในระดับเส้นเลือดฝอย ผมเชื่อว่าทำตรงนี้ให้เข้มแข็งแล้วมันจะเป็นด่านหน้าที่ปะทะ ไม่ต้องให้คนป่วยไปโรงพยาบาลใหญ่ ช่วยลดคิวและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการมากขึ้น” นายชัชชาติ กล่าวทิ้งท้าย
ส่วนประเด็นที่ในวันพรุ่งนี้ (30 พ.ค.) กกต.นัดถกประเด็นที่มีผู้ร้องเรียน 2 เรื่อง คือ ในเรื่องของ ป้ายหาเสียง และกล่าวหาว่าด้อยค่าระบบราชการ นายชัชชาติ กล่าวว่า ไม่กังวล แล้วแต่ กกต.จะพิจารณา เพราะส่วนตัวยืนยันชี้แจงได้ทุกเรื่อง และตนก็มีฝ่ายกฎหมายคอยดูเรื่องนี้อยู่แล้ว. – สำนักข่าวไทย