นนทบุรี 21 พ.ค.- โซเชียลร้อนระอุ! หลังมีบุคคลปริศนาโพสต์รูปพร้อมข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวของแตงโม นิดา ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่าใครเป็นคนทำ ด้าน 3 คนบนเรือ-กุนซือเอ็ม รับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเเล้วในคดีเเตงโม
มหากาพย์คดีแตงโม หลังอัยการนนทบุรี สั่งให้ตำรวจสอบพฤติกรรม 5 คนบนเรือและ 1 กุนซือ รวมทั้งเพิ่มข้อหาปรากฏว่ากระติก จ๊อบ เบิร์ต ย่องพบพนักงานสอบสวนรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ขณะที่กระติกเข้าให้การกรณีแจ้งความเอาผิด “จิน -สามีหนิง” ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ผ่านมา นายนิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร หรือ จ๊อบ พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหา คดีการเสียชีวิตของแตงโม นิดา หลังอัยการจังหวัดนนทบุรี มีความเห็นให้แจ้งข้อหาเพิ่ม ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตำรวจใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนเดินออกจากห้องสอบสวน ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ยอมตอบคำถามสื่อมวลชน และเดินขึ้นรถตู้ที่จอดรอหน้าโรงพักออกไปทันที
สำหรับกระติก หรือ น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ เข้าให้ปากคำ และรับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน ตั้งแต่บ่ายวันที่ 19 พฤษภาคมแล้ว ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี โดยอ้างเหตุผลว่า วันนี้ติดธุระไม่สามารถเดินทางมาได้จึงขอเข้าให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาก่อนนัด 1 วัน
ขณะที่นายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือโรเบิร์ต ซึ่งอัยการให้เรียกมาสอบเพิ่มเติมในหลายประเด็นที่สอบปากคำไปแล้ว โดยให้สอบลงรายละเอียดเพิ่มขึ้นและรัดกุม ได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวน ตั้งแต่ 07.30 น. ใช้เวลาสอบปากคำเกือบ 3 ชั่วโมง
สำหรับนายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ ปอ อัยการให้แจ้งข้อหาเพิ่ม ข้อหาเสพวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประเภท 2 ได้ประสานกับพนักงานสอบสวน จะเข้ามาให้ปากคำพรุ่งนี้ และเมื่อเวลา 14.30 น. นายนายภีม หรือเอ็ม ธรรมธีรศรี กุนซือคนบนเรือ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม ตามหนังสือสั่งการของอัยการจังหวัดนนทบุรี
คนสุดท้ายนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือ แซน แจ้งว่าติดโควิด-19 อยู่ในช่วงรักษาตัวไม่สามารถเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาได้ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะประชุมหาข้อสรุปกันอีกครั้งว่าจะใช้วิธีใดในการสอบปากคำ เพื่อให้ส่งสำนวนการสอบปากคำเพิ่มเติมกับอัยการจังหวัดได้ทันการสั่งฟ้อง 27 พฤษภาคมนี้
และเมื่อช่วงเวลา 14.10 น.ที่ผ่านมา น.ส.อิจศรินทร์ หรือ กระติก เดินทางไปที่ สน.มีนบุรี เข้าให้การกรณีแจ้งความดำเนินคดีนายจรินทร์ ธรรมวัฒนะ หรือจิน สามีของ น.ส.ปณิตา ธรรมวัฒนะ หรือหนิง ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีแสดงความคิดเห็นในอินสตาแกรมของ น.ส.ปณิตา ที่โพสต์ภาพ นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน ซึ่งถ่ายรูปคู่กับ น.ส.อิจศรินทร์ พร้อมนำพยานบุคคลทั่วไป ที่อ่านโพสต์ดังกล่าว เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน เพิ่มอีก 1 คน แม้จะมีคนมองว่าพยานคนนี้ อาจเป็นฝ่ายเดียวกับผู้ถูกกล่าวหา แต่สามารถกระทำได้ เนื่องจากต้องไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงในชั้นศาลจึงไม่มีความกังวล
กระติกยังกล่าวถึงการเดินทางไปรับทราบข้อหาร่วมกันประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองนนทบุรีว่า ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การในชั้นศาลอีกครั้ง
ขณะที่ในโซเชียลกลับมาร้อนระอุอีกครั้ง เมื่อมีบุคคลลึกลับโพสเฟซบุ๊กของแตงโม “Happy Melon Patcharaveerapong” แบบรัวๆ หลังโพสต์ครั้งสุดท้ายเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ โดยมีการโพสต์เมื่อเวลา 11.23 น. วันนี้ เป็นภาพหญิงสาวสวมกระโปรงยาว กำลังหันหลังโบกมือ 2 ข้าง พร้อมระบุข้อความ “หนูถูกทำร้ายจากเพื่อนที่เรารักแล้วไว้ใจ พร้อมอิโมจิหน้าสงสัย ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่าใครเป็นคนโพสต์ภาพและข้อความดังกล่าว หรือเป็นการแฮกเข้ามาปั่นกระแสหรือไม่”
และล่าสุด เมื่อเวลา 16.01 น. เพจของแตงโม กลับมาโพสต์รูปและข้อความ ครั้งที่ 2 ของวัน เป็นรูปถ่ายหมู่ที่แตงโมกำลังเซลฟี่บนเรือ ที่มีฉากหลังเป็นกลุ่มเพื่อนที่ตกเป็นผู้ต้องหา ทั้งปอ กระติก แซน พร้อมระบุข้อความ เรายังไม่ไปไหน เรายังรอความจริงจากปากทั้ง 5 คนอยู่ แต่ถ้ายังไม่พูดความจริง เราจะเปิดความจริงให้ทุกคนได้รับรู้พร้อมกัน ว่าเหตุเกิดบนเรือคืออะไร ลบข้อมูลมือถือ อย่าคิดว่ากู้คืนไม่ได้หรือ ไอ้เพื่อนรัก
ซึ่งในเรื่องนี้ กระติก ยอมรับว่าหญิงสาวที่หันหลังคือภาพของตัวเอง แต่ไม่ได้เป็นคนโพสต์ แตงโมเป็นคนถ่ายในช่วงขากลับ หลังไปทานข้าว คนที่จะมีรูปนี้ต้องมีโทรศัพท์แตงโม ซึ่งตำรวจได้คืนโทรศัพท์ของกลางไปเป็นสัปดาห์แล้ว ไม่ทราบว่าโทรศัพท์อยู่กับใคร แต่ยืนยันว่าไม่ได้อยู่กับตัวเอง เพราะไม่ใช่ทรัพย์สมบัติส่วนตัว มีเพื่อนมาบอกว่าเห็นบัญชีคลับเฮ้าส์ของแตงโมขึ้นออนไลน์ แสดงว่ามีคนใช้โทรศัพท์ของแตงโม ขณะที่นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของแม่แตงโม ก็ปฏิเสธว่าแม่ของแตงโม ไม่ได้เล่นเฟซบุ๊คของลูกสาว แต่เท่าที่อ่านข้อความในโพสต์ พบว่าเป็นการกล่าวหาตนในลักษณะยุยงปลุกปั่นให้ได้รับความเสื่อมเสียชัดเจน จึงจะขอรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินคดีภายหลัง .-สำนักข่าวไทย