นครศรีธรรมราช 9 พ.ค.- ยังต้องจับตาปมกาโตะเบิกเงิน 6 แสนไปจากวัด หลังจาก ปปป.ไล่บี้ตรวจสอบ ยืนยันแม้คืนเงินวัดแล้วแต่ยังถือเป็นความผิด ขณะที่พระดอน พระคนกลางรับเงินกาโตะอ้างเอาไปเคลียร์นักข่าวงานเข้ารายวัน ล่าสุดถูกแฉเพิ่มว่า ฉกเงินวัดไปอีกแล้ว
ความเคลื่อนไหวของกาโตะ หรือนายพงศกร จันทร์แก้ว ล่าสุดยังเป็นเรื่องปมร้อนเบิกเงินวัดไป 6 แสนบาทเพื่อใช้จ่ายส่วนตัว โดยเมื่อวานนี้ (8 พ.ค.) ที่ห้องสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช กาโตะได้เข้าให้ปากคำกับ พ.ต.ท.อาคม จ้อนนุ้ย รองผู้กำกับการสอบสวน กรณีพูดพาดพิงนักข่าวท้องถิ่นรับเงิน 3 แสนบาทแลกกับการปิดข่าวฉาว
โดยกาโตะเดินทางมากับพ่อที่เป็นอดีตข้าราชการตำรวจวัย 62 ปี พร้อมแจ้งความประสงค์กับพนักงานสอบสวนว่าต้องการพบนายยุทธนา แต่งวงศ์ นายกสมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช และนายไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้ที่เข้าแจ้งความกาโตะเพราะถูกพาดพิงประเด็นรับเงิน โดยกาโตะบอกว่าอยากกราบขอโทษอย่างเป็นทางการที่ทำให้เสื่อมเสีย และทันทีที่นายยุทธนากับนายไพฑูรย์เดินทางมาถึง กาโตะก็หันมาเผชิญหน้า และส่งยิ้มพร้อมกับยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม พร้อมกล่าวว่า “ผมต้องกราบขอโทษและยอมรับผิด กับทั้งน้ายุทธนาและน้าไพฑูรย์ และพี่น้องนักข่าวในนครศรีธรรมราชทุกท่าน ผมไม่ได้ตั้งใจกล่าวหา แต่ถูกพระคนกลางโทรมาเร่งบอกว่าเรื่องแดงขึ้นมาแล้วต้องรีบเอาเงินไปเคลียร์นักข่าว 3 แสนเพื่อไม่ให้เรื่องฉาวไปมากกว่านี้ ผมจึงนำเงินสดไปโอนเข้าบัญชีส่วนตัวผมและโอนเข้าบัญชีพระดอน ซึ่งบัญชีธนาคารกรุงไทยไปให้ 3 แสนบาทโดยผมโอนให้ในเช้าวันที่ 22 เมษายน ก็แปลกใจเหมือนกันว่าให้เงินไปแล้วแต่ข่าวยังมีต่อเนื่อง ทำให้ต้องไปถามพระดอน ท่านก็บอกว่าจะปิดข่าวเลยทีเดียวคงไม่ได้ เพราะทาง บก.เขาสั่งให้ติดตามแต่เรื่องจะค่อยๆ เงียบไปในที่สุด”
กาโตะยังย้ำอีกว่า ความจริงผมตั้งใจว่าจะสึกปลายปีนี้ เพราะการก่อสร้างโครงการสำคัญในวัดแล้วเสร็จสมบูรณ์ แต่เมื่อเกิดเรื่องและพระอาจารย์ดอนโทรมาสอบถาม จึงเล่าความจริงให้ทราบ และเตรียมสึกเพราะรู้ว่าทำผิดร้ายแรงเสพเมถุนต้องปาราชิก แต่พระดอนบอกว่าไม่ต้องสึกขอให้โอนเงิน 3 แสนเพื่อนำไปให้นักข่าวปิดข่าวฉาว ยืนยันรู้เท่าไม่ถึงการณ์และอยู่ในความสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นจึงรีบโอนเงินไปให้พระอาจารย์ จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อพระอาจารย์ดอนได้ และท่านยังไม่ได้คืนเงิน 3 แสนให้ หากเจอกันก็อยากบอกว่าให้คืนเงิน 3 แสนมาให้ด้วย
ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป.ลุยสอบปากคำ พระราชวรญาณเจ้าอาวาสวัดบุปผารามวรวิหาร ในประเด็นเชื่อมโยงกับกาโตะ คือการแต่งตั้งกาโตะเป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดเพ็ญญาติ เพื่อให้ทราบว่ามีการแต่งตั้งอย่างถูกต้องหรือไม่ จะได้ขยายผลได้ว่า กาโตะจะเข้าข่ายความผิดเป็นเจ้าพนักงานกระทำการโดยมิชอบเบิกเงิน 6 แสนบาทวัดไปใช้ส่วนตัวหรือไม่ เพราะมองว่าแม้นำเงินมาคืน แต่ความผิดสำเร็จแล้ว การสอบถามเบื้องต้นกาโตะน่าจะถูกแต่งตั้งแบบไม่เป็นทางการ เพราะความสัมพันธ์ของวัดบุปผาราม และวัดเพ็ญญาติมีลักษณะเป็นวัดเครือญาติ โดยหลวงพ่อกล่อมอดีตเจ้าอาวาสวัดเพ็ญญาติ ผู้ก่อตั้งวัด เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเจ้าอาวาสวัดบุปผาราม พอหลวงพ่อกล่อมมรณภาพได้ฝากฝังให้พระราชวรญาณ เป็นผู้ดูแลต่อ แต่เนื่องจากระยะทางที่ค่อนข้างไกล พระราชวรญาณจึงมอบหมายกาโตะดูแลวัดในฐานะรักษาการเจ้าอาวาสทำให้ต้องนำประเด็นนี้ไปหารือกันใหม่ เพราะกาโตะไม่ได้ถูกแต่งตั้งอย่างไม่เป็นทางการ เท่ากับว่าไม่ได้เป็นเจ้าพนักงาน การเอาผิดก็จะแตกต่างออกไป
และแม้เงิน 6 แสนกำลังเป็นประเด็น แต่การสืบสวนสอบสวนเบื้องต้น พบว่าอาจมีเงินของวัดที่ถูกเบิกจ่ายออกไปโดยไม่ถูกต้อง นอกเหนือจากยอดเงิน 6 แสนบาท แต่ยังไม่ขอเปิดเผย แต่จะสืบย้อนไปตั้งแต่กาโตะเริ่มมาเป็นรักษาการเจ้าอาวาส พร้อมสอบไวยาวัจกร และพยานแวดล้อม เพื่อให้ได้รายละเอียดที่แน่ชัดว่า มีการกระทำความผิดในลักษณะเป็นขบวนการหรือไม่ และสัปดาห์นี้จะเชิญกาโตะและตองเข้ามาสอบปากคำเพิ่ม โดยจะแยกนัดหมายวันและเวลา เพื่อป้องกันความวุ่นวาย ยอมรับหลักฐานที่มีตอนนี้ยังสาวไปไม่ถึงว่ามีการทำเป็นขบวนการหรือไม่
ส่วน พระดอน หรือพระครูวินัยธรสุวิจักขณ์ ปัญญังวโร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดวังตะวันออก งานเข้ารายวัน โดยวันนี้นายประทวน นิจเนตร หรือ นายหนังชวน สงวนศิลป์ บุคคลที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลวัดบ่อจิก เป็นตัวแทนของเจ้าอาวาสวัดบ่อจิกเข้าแจ้งความพระดอนในความผิดฐานฉ้อโกงเงินวัดไป 49,999 บาท โดยตอนนั้นพระดอนบอกว่าจะนำไปสร้างเหรียญเจ้าอาวาสวัดบ่อจิก แต่ต้องใช้เงิน 99,9999 บาท แต่ทางวัดไม่มีเงินมากขนาดนั้น มีแต่เงินที่ชาวบ้านนำมาทำบุญใส่ตู้บริจาค จึงไขตู้นับเงินก็พบว่ามีอยู่กว่า 4 หมื่นบาท แต่ยังไม่พอตามที่พระดอนต้องการ นายประทวนจึงนำเงิน 9,000 บาทไปสมทบ รวมได้ 49,999 บาท แล้วนำไปมอบให้พระดอน ซึ่งหลังจากนั้นพระดอนก็เงียบหายไป ขณะที่นายประทวนเห็นข่าวว่า พระดอน เที่ยวหลอกเอาเงินคนอื่น จึงได้ปรึกษากับกรรมการวัดและเจ้าอาวาสเข้าแจ้งความ ย้ำว่า “บาปบุญนั้นมีจริง ใครทำอะไรไว้ก็จะได้รับกรรมจากการกระทำแน่”.-สำนักข่าวไทย
