เคียฟ 9 พ.ค. – ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ระบุว่ารัสเซียได้ทิ้งระเบิดใส่โรงเรียนแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกของยูเครน ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตราว 60 ราย
ประธานาธิบดีเซเลนสกีเผยว่า มีพลเรือนเสียชีวิตราว 60 รายหลังรัสเซียทิ้งระเบิดใส่โรงเรียนแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกของยูเครน ขณะที่นายเซอร์ฮีย์ ไฮได ผู้ว่าการแคว้นลูฮันสก์ ทางตะวันออกของยูเครน ระบุว่า เครื่องบินของรัสเซียได้ทิ้งระเบิดใส่อาคารโรงเรียนดังกล่าวในเมืองบิโลโฮรีฟกาในแคว้นลูฮันสก์เมื่อวันเสาร์ในขณะที่มีพลเรือน 90 คนหลบซ่อนอยู่ในอาคารและทางการสามารถช่วยเหลือพลเรือน 30 คนออกมาจากอาคารดังกล่าวได้ ทั้งยังระบุว่า เหตุระเบิดดังกล่าวทำให้อาคารพังถล่มและเกิดไฟลุกไหม้จนเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้เวลานานถึง 3 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงได้ ขณะนี้ยังไม่ทราบตัวเลขผู้เสียชีวิตทั้งหมดจนกว่าเจ้าหน้าที่จะเสร็จสิ้นภารกิจค้นหาใต้ซากปรักหักพัง
ด้านนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการขององค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น กล่าวว่า เขารู้สึกตกใจมากเมื่อทราบข่าวการโจมตีอันโหดร้ายในครั้งนี้ เพราะการทำสงครามไม่ควรมุ่งเป้าโจมตีพลเรือน อย่างไรก็ดี รัสเซียยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะเดียวกันประธานาธิบดีเซเลนสกีได้เข้าร่วมการประชุมผ่านระบบออนไลน์เมื่อวันอาทิตย์กับผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมของโลก 7 ประเทศ หรือจี 7 เช่น ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ และนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ผู้นำกลุ่มจี 7 ได้ให้คำมั่นหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่าจะสนับสนุนยูเครนในสงครามครั้งนี้ต่อไปและมุ่งมั่นที่จะหยุดนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา ยังได้เดินทางเยือนเมืองเออร์ปิน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กรุงเคียฟและถูกกองทัพรัสเซียโจมตีอย่างหนักหน่วงในช่วงต้น และได้พบปะหารือกับประธานาธิบดีเซเลนสกี พร้อมประกาศสนับสนุนด้านทหารให้แก่ยูเครนต่อไป. -สำนักข่าวไทย