ยินดี Visa จัดไทยติดอันดับ 4 จุดหมายปลายทางน่าเที่ยวหลังโควิด

ทำเนียบฯ 7 พ.ค.- โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ยินดี Visa จัดไทยติดอันดับ 4 จุดหมายปลายทางน่าท่องเที่ยวที่สุดในโลกหลังโควิด-19 สิ้นสุด พร้อมให้ทุกหน่วยงานเตรียมการตั้งรับ เชื่อมั่นว่าสถานการณ์อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเตรียมฟื้นตัว


วันนี้ (7 พฤษภาคม 2565) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีและขอบคุณที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกยังคิดถึงประเทศไทย จากการจัดอันดับจุดหมายที่น่าไปเยือนมากที่สุดในโลกหลังสิ้นสุดโควิด-19 ของ “วีซ่า (Visa)” ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก ซึ่งประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นจุดหมายที่ 4 ในโลกที่นักท่องเที่ยวอยากเดินทางมาเยือนมากที่สุดหลังสถานการณ์ โควิด – 19

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จากผลสำรวจเกี่ยวกับแผนการท่องเที่ยวระดับโลก (Visa Global Travel Intentions Study) ของวีซ่า ประเทศไทยถูกจัดเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 4 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และอินเดีย ที่น่าเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกหลังโควิด-19 สิ้นสุดลง โดยเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมจากการค้นหาทางออนไลน์ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เชียงใหม่ และหัวหิน ด้วยแรงจูงใจเพื่อการพักผ่อน การหลีกหนีความวุ่นวายและผ่อนคลาย และการผจญภัยและทำกิจกรรมกลางแจ้ง


ปัจจุบันมาตรการเดินทางเข้าประเทศไทยมีการผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเดินทางมาประเทศไทย นอกจากไทยจะมีภูมิประเทศที่น่าสนใจ เป็นที่นิยม มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สวยงามทางวัฒนธรรม ชุมชนเมืองที่พร้อมด้วยภูมิปัญญาแห่งการเรียนรู้ ยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ผ่อนคลายในหลายรูปแบบ เช่น ปีนหน้าผา เดินป่า ล่องแก่ง ดำน้ำ หรือการพักผ่อนริมชายหาด สิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งเป็นศูนย์รวมอาหารที่หลากหลายเป็นที่นิยม และการบริการที่น่าประทับใจ

นายธนกรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในการทำงานของทุกฝ่าย ขอบคุณทุกการผลักดันให้ประเทศไทยเข้าไปมีบทบาทในระดับโลกและรับความนิยมจากต่างชาติได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการร่วมบูรณาการการทำงานเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวให้สะดวก ปลอดภัย ประทับใจการเยือนไทย และตอบโจทย์การมาเที่ยวประเทศไทยให้น่าจดจำ ทั้งนี้ ขอให้เชื่อมั่นว่าการทำงานของรัฐบาลซึ่งได้วางกรอบแนวทางตามสถานการณ์การควบคุมโรคจะช่วยให้สถานการณ์อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฟื้นตัว จึงขอให้ทุกฝ่ายเตรียมการทำงานรับมือการฟื้นตัวในภาคการท่องเที่ยว พร้อมกำหนดมาตรการการทำงานให้สอดคล้องกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกด้วย .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ศาลตัดสินพิรงรอง

“พิรงรอง” รับกังวลใจ วันนี้ศาลตัดสิน คดีทรูฟ้องหลุดเก้าอี้ กสทช.

“พิรงรอง” ถึงศาล รับกังวลใจ คดีทรูฟ้องหลุดเก้าอี้ กสทช. ปมส่งใบเตือนทีวีดิจิทัลมีโฆษณาแทรก ยืนยันทำหน้าที่อย่างถูกต้อง

ผู้สมัคร นายก อบจ.สมุทรปราการ หอบหลักฐานทุจริตเลือกตั้ง ร้อง ปธ.สภา

ผู้สมัคร นายก อบจ. สมุทรปราการ พรรคประชาชน หอบหลักฐานทุจริตเลือกตั้ง อบจ.ร้องประธานสภา จี้ กกต.สอบให้ความเป็นธรรม ลั่นจะไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบ

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

บุกรวบ 2 บิ๊กบอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน

ตำรวจนครบาลบุกรวบ 2 บิ๊กบอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน สร้างเพจปลอมเป็นหน่วยงานตำรวจ และ ปปง. หลอกเหยื่อว่าสามารถติดตามทรัพย์สินที่ถูกหลอกคืนได้ ค้นบ้านพบซิมบ็อกซ์โทรศัพท์ และ QR Code ปลอม จำนวนมาก

ข่าวแนะนำ

ปล้นร้านสะดวกซื้อ

รวบ 6 เยาวชน ก่อเหตุปล้นร้านสะดวกซื้อปัตตานี

รวบแล้ว 6 โจร ปล้นร้านสะดวกซื้อ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ได้เงินกว่า 4,000 บาท พบผู้ก่อเหตุทั้งหมด เป็นเยาวชนอายุระหว่าง 14-16 ปี

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

นายกฯพบสีจิ้นผิง

นายกฯ เข้าเยี่ยมคารวะ “สี จิ้นผิง”

นายกฯ เข้าเยี่ยมคารวะ “สี จิ้นผิง” ย้ำความสัมพันธ์ทางการทูตและหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ด้านจีนหนุนไทยมีบทบาทในเวที ระดับโลกและภูมิภาค

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่แม่สอด ชี้ยังสรุปไม่ได้ หลังตัดไฟเมื่อวาน

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่แม่สอด ชี้ยังสรุปไม่ได้ หลังตัดไฟแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ขอทำไปประเมินไป อย่าทำให้เป็นประเด็น มองเป็นสิทธิฝั่งเมียนมาซื้อไฟฟ้าจากลาว ลั่นเดี๋ยวต้องคุยอีก ย้ำตัดไฟครั้งนี้ไม่ได้ใช้อารมณ์ รู้อยู่กระทบเศรษฐกิจบ้าง แต่แค่ 0.1%