ปชป. สำนักงานใหญ่ 23 เม.ย. – ปชป.ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 65 “จุรินทร์” ชี้ กรณี “ปริญญ์” ต้องแก้ปัญหาไม่ใช่หนีปัญหา ไม่เห็นด้วยคนในพรรคลาออก พร้อมตั้งคณะทำงานแก้ปัญหา แจงที่ประชุมพรรคเข้าใจ
พรรคประชาธิปัตย์ จัดประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2565 โดยมีนาย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นประธานการประชุม โดยครั้งนี้ เป็นการประชุมทางอิเล็กทรอนิกส์ครั้งแรกผ่านระบบ ZOOM ขณะที่แกนนำพรรคได้เดินทางมาร่วมประชุม ณ ที่ทำการพรรคสำนักงานใหญ่ อาทิ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และตัวแทนสมาชิกพรรคบางส่วน โดยต้องมีการแสดงผลตรวจ ATK ก่อนเข้าร่วมการประชุม และสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
โดยก่อนการประชุม เมื่อนายจุรินทร์ เดินทางมาถึง มีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จากทุกภาค ร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมกับเปล่งเสียงให้กำลังใจ “หัวหน้า สู้ๆ” ดังกระหึ่ม และมีตัวแทน ส.ส.ภาคอีสาน นำผ้าขาวม้ามาผูกเอวนายจุรินทร์ เพื่อเป็นการแสดงถึงการให้กำลังใจในการทำงาน
การประชุมใหญ่สามัญของพรรค มีวาระการประชุมที่สำคัญ คือ รายงานการดำเนินกิจการของพรรคในรอบปีที่ผ่านมา และรับรองงบการเงินประจำปี 2564 ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 43 และมาตรา 61 นอกจากนี้ยังจะมีการหารือถึงแผนงาน และโครงการที่พรรคจะได้ดำเนินการกิจกรรมในปีถัดไป โดยเฉพาะการหารายได้ การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในทางการเมือง และการพัฒนาการบุคลากรทางการเมือง
การประชุมครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น นายจุรินทร์ ให้ออกมาสัมภาษณ์ว่าได้มีการชี้แจงต่อให้ที่ประชุมเข้าใจการเำเนินการเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยกรณีของนายปริญญ์นั้น ได้ชี้แจงแทน กก.บห. พรรคว่าได้มีการแถลงไปแล้วอย่างน้อยครั้งหนึ่ง นอกจากการให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านั้น และขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงาน โดยมี ดร.รัชดา ธนาดิเรก และบุคคลภายนอกพรรคที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชน บทบาทสตรี และผู้ที่ส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ เข้ามาร่วมเป็นคณะทำงาน เพื่อแก้ปัญหา ปรับปรุงแก้ไข และวางแนวทางป้องกันในอนาคต ซึ่งอาจจะกลายเป็นต้นแบบของพรรคการเมืองทุกพรรคต่อไปในอนาคตได้
ส่วนกรณีที่มีผู้นำข้อความทางไลน์ภายในพรรคออกไปเผยแพร่ข้างนอก ว่า เรื่องนี้ก็ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบเช่นเดียวกับที่สาธารณชนรับทราบว่าพรรคมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ รวมไปถึงการกำหนดแนวทางในการแก้ปัญหาต่อไปในอนาคตด้วย โดยมอบให้รองหัวหน้าพรรค นายนราพัฒน์ แก้วทอง เป็นผู้ดำเนินการต่อไป
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าถึงเวลานี้ยังยืนว่าจะยังไม่ลาออกใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่าตนได้พูดเรื่องนี้ไปแล้วว่า ความรับผิดชอบนั้น ถ้ามันเลยขอบเขตก็จะกลายเป็นความไม่รับผิดชอบ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ได้ทำไปก็คือ เมื่อปัญหาเกิดในยุคเรา ตนก็ไม่ผลักความรับผิดชอบ เราก็มีหน้าที่เข้าไปแก้ปัญหาให้สำเร็จลุล่วงไปข้างหน้าให้ได้ และก็ไม่หนีปัญหา เพราะฉะนั้นสิ่งนี้ก็คือสิ่งที่เราได้ยึดถือยึดมั่นมา หรือแม้แต่กรณีที่นายวิทยา แก้วภราดัย ได้ออกมายกตัวอย่างว่าในยุคที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเคยถูกกล่าวหาทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง ก็ได้แสดงความรับผิดชอบหรือแสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แต่กรรมการบริหารพรรคก็ไม่ได้ลาออกแต่กรรมการบริหารพรรคชุดนั้นก็ไม่ได้หนีปัญหา และแก้ไขปัญหาด้วยการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค จนกระทั่งมีมติที่จะให้มีการปรับ ครม. และตนก็เป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากมติพรรคให้ปรับคณะรัฐมนตรีจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไปเป็นรัฐมนตรีว่าการสาธารณสุขเพื่อไปแก้ปัญหาในกระทรวงสาธารณสุขจากการลาออกของนายวิทยา ซึ่งเรื่องนั้นเป็นมาตรฐานหรือเป็นสิ่งที่เราได้เคยปฏิบัติมา และยุคนี้ก็ได้ปฏิบัติไปตามนั้นเมื่อนายปริญญ์ ถูกกล่าวหา ก็ได้ลาออกไปจากทุกตำแหน่งในพรรค ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็ไม่มีหน้าที่ที่จะแสดงความรับผิดชอบจนเกินเลยขอบเขตของความรับผิดชอบจนกลายเป็นการหนีความรับผิดชอบ และกรรมการบริหารพรรคก็มีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า การชี้แจงของหัวหน้าพรรคในที่ประชุมวันนี้จะทำให้ปัญหาในพรรคคลี่คลายได้หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้ในที่ประชุมก็ไม่มีผู้ใดถามเพิ่มอีก และทุกคนก็รับทราบและเข้าใจในคำชี้แจง
ส่วนที่หลายคนมองว่าปัญหาดังกล่าวเหมือนเป็นระเบิดเวลานั้น หัวหน้าพรรค กล่าวว่าไม่ไปขอตอบตรงนั้น เมื่อมีหน้าที่อะไร มีปัญหาเกิดขึ้นก็ต้องรับผิดชอบด้วยการแก้ไขปัญหา ทุกวิกฤติมีโอกาสเสมอ เพราะฉะนั้นไม่ได้แปลว่าวันนี้ประชาธิปัตย์เจอปัญหานี้แล้ว เราจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ประชาธิปัตย์จบแล้วเหมือนที่บางคนพยายามพูดให้เป็นอย่างนั้น ซึ่งตนไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น ทุกยุคทุกสมัยก็มีปัญหาเกิดขึ้น ทุกองค์กรมีปัญหาได้ทั้งสิ้น คนที่รับผิดชอบองค์กรก็ต้องแก้ปัญหาในรัฐบาลก็มีปัญหา ไม่ใช่ไม่มี คนที่เป็นนายกรัฐมนตรี คนเป็นรัฐมนตรีก็มีหน้าที่เข้าไปแก้ปัญหา เพราะเขาเลือกขึ้นมาเป็นผู้บริหารพรรค หรือผู้บริหารองค์กรเพื่อไปแก้ปัญหา ถ้าหนีปัญหาก็กลายเป็นความไม่รับผิดชอบประการหนึ่งเหมือนกัน ทุกอย่างมีหลายมุม
ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมว่า หากมี กก.บห. ของพรรคประสงค์ลาออกเพิ่มเติมอีก จะมีแนวทางอย่างไรนั้น หัวหน้าพรรคกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นสิทธิของแต่ละท่าน ต้องเคารพการตัดสินใจของทุกคน เมื่อเราไม่ประสงค์ให้ใครออกจากพรรค แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราก็มีหน้าที่ต้องหาคนใหม่ในการเข้ามาชดเชยทดแทน แต่ตนก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการที่ใครจะลาออก อย่าเข้าใจผิด แต่ทุกองค์กรต้องมีหน้าที่สร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมาในการที่จะต่อเติมอนาคตให้กับองค์กรนั้นๆ ต่อไป
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวขอบคุณสมาชิกจากทุกภาคทั่วประเทศที่มาให้กำลังใจตนและกรรมการบริหารพรรคทุกคน ยืนยันต้องปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด ทุกวิกฤติมีโอกาสเสมอ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องพลิกวิกฤตินี้ให้เป็นโอกาสในการที่จะนำพรรคเดินไปข้างหน้าต่อไปและส่งไม้ต่อให้คนรุ่นต่อๆ ไป ให้คนรุ่นใหม่ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดไป เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อไปในอนาคต .-สำนักข่าวไทย