กรุงเทพฯ 18 เม.ย.-“แรมโบ้” เสกสกล อัตถาวงศ์ แถลงลาออกจากทุกตำแหน่งในรัฐบาล เคลียร์ปมคลิปเสียงหลุด ชี้ไม่อยากให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลด่างพร้อย ยืนยันไม่มีใครบังคับ ขอใช้สิทธิพิสูจน์ตัวเองผ่านกระบวนการยุติธรรม
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี มีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (19 เมษายนนี้) เป็นต้นไป สืบเนื่องจากมีคลิปหลุดมีการพูดคุยกับนางจุรีพร สินธุไพร เรื่องโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหากับนายกรัฐมนตรีว่าใช้อำนาจหน้าที่ในการปกป้องตนเอง ซึ่งตนพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยืนยันไม่มีการปลดหรือบีบบังคับให้ลาออกเป็นความประสงค์ของตนเองในการลาออก เพื่อพิสูจน์ความจริงกับกระบวนการยุติธรรม ตลอด 30 ปียืนยันไม่เคยใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการทุจริตประพฤติมิชอบต่อประเทศชาติและประชาชน ไม่อยากให้คนดีดีอย่างนายกรัฐมนตรีต้องมาด่างพร้อยเพราะตนเอง
ส่วนภารกิจการแก้ไขปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่เกิน 80 บาทถือว่าได้ดำเนินการตามหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่แล้วมีแนวทางที่เป็นรูปธรรม ทั้งการคัดสรรผู้ค้าตัวจริง, การเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านแอพเป๋าตัง,การใช้มาตรการทางกฎหมาย ทั้งทางแพ่งและอาญา เช่น ตัดสิทธิโควตาผู้ขายเกินราคา การเพิ่มโทษจำคุก และการนำมาตรการฟอกเงินเตรียมเสนอ คณะกรรมการฯ ชุดใหญ่ที่มี นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน วันที่27 เมษายนนี้ พิจารณา ส่วนตัวมันใจว่าหากสลากกินแบ่งรัฐบาลดำเนินตามแนวทางอนุกรรมการที่ตนเป็นประธานจะสามารถแก้ไขปัญหาราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาได้อย่างแน่นอน ซึ่งถือว่าสิ้นสุดการทำงานของตนเองแล้ว
ส่วนการดำเนินคดีได้แจ้งความไว้ที่ สน.ดุสิต เพื่อนำทุกคนที่เกี่ยวข้องในการอัดคลิปเสียงมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุดและในวันพรุ่งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายเรียกบุคคลชื่อกิ๊กที่นางจุรีพรได้อ้างถึง มาสอบสวนสอบปากคำ ใครที่ไม่ประสงค์ดีหวังบ่อนทำลายชื่อเสียงจะขอใช้สิทธิ์ส่วนตัวดำเนินคดีตามกฏหมายเพื่อไม่ให้ทำกับคนอื่นอีก
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ ให้โอกาสได้เข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง ยืนยันจะยืนหยัดต่อสู้เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนฟังตามแนวทางปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ส่วนเรื่องพรรคการเมืองตนเองเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติแต่ไม่ได้มีตำแหน่งในพรรค ซึ่งขอใช้เวลานี้ในการเคลียร์ตัวเองก่อน เรื่องพรรคการเมืองค่อยว่ากันทีหลัง.-สำนักข่าวไทย