ราคาพลังงานพุ่ง-สงคราม ฉุด GDP ขณะที่เงินเฟ้อจ่อพุ่ง

กรุงเทพฯ 24 มี.ค. – เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ เผยปัญหาราคาพลังงานพุ่ง และความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ฉุดจีดีพีไทย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจ่อพุ่ง


นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า จากปัญหาราคาน้ำมันที่ขยับสูงขึ้น และปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่เกิดขึ้น หน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจทั้ง 3 หน่วย ประกอบด้วย สภาพัฒน์ฯ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย ได้หารือร่วมกันและประเมินสถานการณ์ เพื่อหาแนวทาง มาตรการรองรับผลกระทบ ซึ่งจากการประเมินเบื้องต้น คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยใน 2 ด้าน คือ อัตราเงินเฟ้อ โดยกรณีที่ราคาน้ำมันดิบดูไบเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล คาดว่าจะทำให้เงินเฟ้อปี 2565 ของไทยขยับขึ้นเป็น 5% และอีกด้านที่จะได้รับผลกระทบ คือ ภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากแนวโน้มการลดลงของนักท่องเที่ยวรัสเซียและยุโรป ซึ่งถือเป็นกลุ่มหลักที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย

ทั้งนี้ คาดว่าการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน และผลกระทบจากการท่องเที่ยว จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปี 2565 ขยายตัวได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3 ส่วนมาตรการรองรับผลกระทบ จากการหารือของ 3 หน่วยงาน มีข้อสรุปว่า ต้องบริหารจัดการราคาน้ำมันในประเทศให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบ ดูแลค่าครองชีพแก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ดูแลกลุ่มแรงงานที่ได้รับผลกระทบ และดูแลกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาปัจจัยการผลิต


อย่างไรก็ตาม ตอนที่ประกาศตัวเลขเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ตอนนั้นราคาน้ำมันอยู่ที่ราว 72 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 94 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนในระยะต่อไปสถานการณ์จะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะความขัดแย้ง ยอมรับว่ายากที่จะคาดการณ์ได้ และผลกระทบก็จะออกมาตามมาตรการคว่ำบาตรที่เกิดขึ้น แต่ที่เห็นร่วมกันทั้ง 3 หน่วยงาน คือ สถานการณ์ความขัดแย้งและการคว่ำบาตรจะยืดเยื้อไปอีกระยะหนึ่ง และจะกินเวลายาวนาน แม้การสู้รบจะหยุดลง แต่มาตรการคว่ำบาตรยังมีอยู่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความผันผวนของราคาพลังงานและราคาสินค้าบางตัว ตอนนี้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 24% ของสินค้าทั้งหมด ไม่ได้ขึ้นราคาทุกสินค้า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปดูแลตรวจสอบ ไม่ให้ฉวยโอกาสขึ้นราคา

ส่วนเรื่องปัจจัยการผลิตในภาคเกษตร โดยเฉพาะปุ๋ย และวัตถุดิบอาหารสัตว์ ขณะนี้มีสัญญาณจากประเทศต้นทางที่เรานำเข้าเป็นประจำ เริ่มจำกัดการส่งออก เพื่อเก็บไว้ใช้เอง ทำให้ราคาเริ่มสูงขึ้น โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมามีการหารือเรื่องนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายว่า ในเรื่องของปุ๋ยและอาหารสัตว์ที่มีแนวโน้มจะขาดแคลนและขึ้นราคา ให้ใช้วัตถุดิบในประเทศมาทดแทนให้มากที่สุด เช่น ปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยชีวภาพ แม้ว่าสัดส่วนจะไม่เท่าปุ๋ยเคมี แต่เพื่อเตรียมพร้อมประเทศในการก้าวเข้าสู่เกษตรปลอดภัย และลดการปล่อยคาร์บอนฯ จึงจะใช้โอกาสนี้มาเร่งใช้ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยชีวภาพมากขึ้น ส่วนเรื่องอาหารสัตว์จะมีการหารือแก้ไขปัญหากันต่อไป เพราะประเทศต้นทางที่เรานำเข้าก็เริ่มส่งออกไม่ได้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะข้าวสาลี ซึ่งขณะนี้กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ อยู่ระหว่างหามาตรการที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหา

นอกจากนี้ นายดนุชา ยังเผยตัวเลขการจ่ายเงินกู้เพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563-ปัจจุบัน รวมเป็นวงเงิน 1,356,520.70 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นด้านสาธารณสุข 213,581.51 ล้านบาท การช่วยเหลือเยียวยาประชาชน 869,430.94 ล้านบาท และการรักษาระดับการจ้างงานของผู้ประกอบการและการกระตุ้นการบริโภคในระบบเศรษฐกิจ 273,508.24 ล้านบาท. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย